คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยโจทก์ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น แสดงว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าว เป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8 แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรแล้ว เมื่อคำร้องของโจทก์ที่ขอระบุพยานเพิ่มเติมแสดงเหตุอันสมควรได้ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์ขออนุญาตอ้างเพิ่มเติมภายหลังวันชี้สองสถาน โจทก์เพิ่งทราบที่อยู่และข้อเท็จจริงจากพยานของโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ศาลควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร

ย่อยาว

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์เป็นประการแรกว่า การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 ไว้ในระหว่างมีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามคำร้องของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร ซึ่งออกตามความในมาตรา 20 และมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 ศาลฎีกาเห็นว่า บัญชีระบุพยานของโจทก์ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2530 แม้โจทก์จะได้ยื่นในระหว่างมีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามคำร้องของโจทก์ก็ตามแต่บัญชีระบุพยานดังกล่าว โจทก์ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นการระบุพยาน เฉพาะในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น ตรงข้ามกลับปรากฏว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยไม่ได้ระบุข้อความประการใด แสดงความประสงค์ของโจทก์ว่ามุ่งประสงค์ให้เป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ตลอดไปทั้งคดี หาได้มุ่งใช้เฉพาะการใดการหนึ่งไม่ ดังนั้น จึงถือได้ว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นบัญชีระบุพยานโจทก์ซึ่งได้ยื่นต่อศาลภาษีอากรกลางก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 8แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากรดังกล่าวแล้ว ศาลภาษีอากรกลางหาชอบที่จะอ้างว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีได้ไม่โจทก์อุทธรณ์ประการต่อมาว่า ศาลควรรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 เห็นว่า บัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ดังกล่าว โจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควร ขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวไว้ด้วยโดยอ้างว่าโจทก์เพิ่งทราบที่อยู่ และข้อเท็จจริงจากนางอุทัยวรรณ ศุขโชติ พยานของโจทก์ปรากฏตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 กรณีจึงมีเหตุอันสมควรและเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ซึ่งโจทก์จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวจึงควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมลงวันที่ 10 มีนาคม2531 ได้ ตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรที่กล่าวแล้ว ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบและให้งดสืบพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ลงวันที่ 10 มีนาคม 2531 แล้วให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่

Share