คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5827/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐโดยมิได้มีคำขอบังคับให้ชำระเป็นเงินไทยด้วย การที่โจทก์บรรยายฟ้องเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยในวันฟ้องก็เพื่อประโยชน์ในการคิดค่าขึ้นศาลเท่านั้น ในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่จะชำระหนี้เป็นเงินไทยโดยคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่ใช้เงินและเวลาที่ใช้เงิน ทั้งนี้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 หากเกิดปัญหาขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้มีคำขอ กรณีไม่จำต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราไว้ในคำพิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินต้น ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันเบิกเงินกู้ถึงวันฟ้อง ๓๓๐,๗๙๙.๘๙ ดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๖๘๘ ต่อปีของเงินต้นรวมดอกเบี้ยทบต้น ณ วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๑ จำนวน ๒,๒๕๓,๔๕๙.๔๙ ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และในกรณีที่จำเลยทั้งสองค้างชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์เกินกว่า ๑ ปี ให้นำดอกเบี้ยค้างชำระทบเข้ากับเงินต้นแล้วคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๖๘๘ ต่อปีของจำนวนเงินต้นทบกับดอกเบี้ย จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒,๒๕๓,๔๕๙.๔๙ ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นดังกล่าว อัตราร้อยละ ๘.๕๓๓๗๕ นับแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๑ ถึง ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๘.๕๒๖ นับแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๑ ถึง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๘.๓๕๘๘ นับแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๑ ถึง ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๘.๗๙๑๔๕ นับแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ถึง ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๑ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๘.๓๐๖๖ นับแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๑ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๔๒ และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๖๘๘ ของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๒ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ เพื่อความสะดวกในการบังคับคดีให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานคร โดยอาศัยประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นวันทำการในวันที่มีคำพิพากษานี้เป็นเกณฑ์ ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าว ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเช่นว่านั้นก่อนวันมีคำพิพากษา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมิได้มีคำขอบังคับให้ชำระเป็นเงินไทยด้วย การที่โจทก์บรรยายฟ้องเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยในวันฟ้องก็เพื่อประโยชน์ในการคิดค่าขึ้นศาลเท่านั้น ในกรณีเช่นนี้ย่อมเป็นสิทธิของจำเลยทั้งสองที่จะชำระหนี้เป็นเงินไทยโดยคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่ใช้เงินและเวลาที่ใช้เงิน ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๖ หากเกิดปัญหาขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดี การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้มีคำขอ กรณีไม่จำต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราไว้ในคำพิพากษา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒,๒๕๓,๔๕๙.๔๙ ดอลลาร์สหรัฐ แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยของเงินต้น ๒,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในอัตราร้อยละ ๘.๕๓๓๗๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๑ ถึงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑ อัตราร้อยละ ๘.๕๒๖ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๑ ถึงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๑ อัตราร้อยละ ๘.๓๕๘๘ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๑ ถึงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ อัตราร้อยละ ๘.๗๙๑๔๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๑ อัตราร้อยละ ๘.๓๐๖๖ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๑ ถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๒ และอัตราร้อยละ ๗.๖๘๘ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๒ ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยไม่ต้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง.

Share