แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เพียงแต่สงสัยว่าเขาเป็นคนร้ายก็บอกให้ตำรวจจับกุมเขาโดยหาว่าเป็นคนร้าย หากการสงสัยนั้นเป็นไปโดยไร้เหตุผลแลให้จับโดยไม่มีมูลต้องมีผิดตามกฎหมายข้างบน พ.ร.บ.ลักษณอุทธรณ์ พ.ศ.2473 ม.3-4
ย่อยาว
คดีได้ความว่าบิดาจำเลยซึ่งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีได้ถูกคนร้ายลักทรัพย์แลเก็บเอาทองรูปพรรณไป ระวางของหายจำเลยมาธุระที่กรุงเทพ ฯ บิดาจึงโทรเลขบอกให้จำเลยคอยตรวจตราจับกุมคนร้ายโดยสงสัยว่าจะพาทรัพย์หนีมาจำหน่ายที่กรุงเทพฯจำเลยสงสัยโจทก์ซึ่งโดยสารเรือเมล์มากรุงเทพ ฯ จึงแจ้งให้ตำรวจจับโจทก์ ๆ ถูกส่งมาไต่สวนยังจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าทรัพย์ดูตัวโจทก์ว่าไม่ใช่คนร้าย เจ้าพนักงานจึงปล่อยตัวไปโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษ
ศาลเดิมเห็นว่าจำเลยเพียงแต่สงสัยเหมาเอาว่าโจทก์เป็นคนร้าย ทำให้โจทก์ถูกจับกุมโดยไม่มีมูลแห่งความผิด พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๑ เดือน แต่ให้รอการลงอาชญาไว้ คงปรับจำเลย ๑๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหตุที่โจทก์ต้องคุมขังหาเกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรงไม่ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฝืนข้อเท็จจริงซึ่งศาลเดิมฟังมาตาม พ.ร.บ.ลักษณอุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๗๓ จำเลยอุทธรณ์ได้ฉะเพาะข้อกฎหมาย แลในการวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์ต้องถือข้อเท็จจริงตามศาลเดิม และวินิจฉัยว่าคดีนี้จำเลยเพียงแต่สงสัยก็จับโจทก์โดยไม่มีมูลแลปราศจากเหตุผลเป็นการสงสัยโดยไร้เหตุผลได้ชื่อว่าจำเลยไม่มีสิทธิหรืออำนาจอันชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ตำรวจจับโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ปราศจากอิศรภาพแก่ตน จึงพิพากษายืนตามศาลเดิมตาม