คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งอาจถูกยึดบ้านที่จำเลยบอกขายให้แก่ผู้เสียหายได้นั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่จำเลยควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้บอกความดังกล่าวแก่โจทก์ ก็หาเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงนายประเสริฐ แก้วเมตตา ผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งว่าจำเลยจะขายบ้านของจำเลยซึ่งไม่มีภาระผูกพัน สามารถโอนกรรมสิทธิ์แก่ผู้เสียหายได้ทันที จนผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงซื้อ ต่อมาผู้เสียหายทราบว่า ศาลมีหมายยึดทรัพย์บ้านหลังดังกล่าวไว้แล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา341 จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยถูกฟ้องให้ชำระหนี้ในคดีแพ่งและในคดีแพ่งดังกล่าวจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยประกาศขายบ้านของจำเลยโดยมิได้แจ้งให้ผํู้เสียหายซึ่งจะซื้อบ้านของจำเลยทราบว่าจำเลยถูกฟ้องคดีแพ่งอาจถูกเจ้าหนี้ยึดบ้านที่ประกาศขายได้ คดีมีปัญหาว่าการที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีแพ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความ อาจถูกยึดบ้านได้ เป็นข้อเท็จจริงที่ควรบอกให้แจ้ง อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยในฐานะผู้ขายไม่จำเป็นต้องบอกให้แจ้งถึงฐานะของตนเอง หรือความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สินที่ขายเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อพึงต้องระมัดระวังเอง ถ้ามีความชำรุดบกพร่องของทรัพย์สินที่ขาย หรือมีการรอนสิทธิ์อันเป็นความผิดของผู้ขาย ผู้ขายมีหน้าที่รับผิดต่อผู้ซื้ออยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 ลักษณะ 1 ซื้อขาย ในหมวด 2 ส่วน ที่ 2-3 ว่าด้วยความรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องและความรับผิดในการรอนสิทธิ์ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีก
พิพากษายืน.

Share