คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5801/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฎีกาพิพากษาว่าเนื้อที่ส่วนพิพาทตามหลักเขตภายในกรอบเส้นสีแดงในแผนที่วิวาทเป็นของโจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกไม่ได้มีคำสั่งให้ขับไล่จำเลยหรือให้ต้องออกไปหรือต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทการที่โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้จัดการให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามหมายบังคับคดีเพื่อให้รวมถึงการรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่างๆรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทออกไปด้วยจึงเป็นการบังคับที่เกินไปจากคำพิพากษาศาลฎีกา

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง มาจาก โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สี่ ขอให้ แบ่ง ที่ดินพิพาทให้ แก่ โจทก์ และ ศาลฎีกา ได้ มี คำพิพากษา ว่า เนื้อที่ ส่วน พิพาท ตามหลักเขต ที่ หมาย ลม.6 ถึง ลม.9 และ หลักเขต ที่ ข. 10119 ถึง ลม.8ภายใน กรอบ เส้น สีแดง ใน แผนที่ วิวาท เป็น ของ โจทก์ คำขอ อื่น นอกจากนี้ ให้ยก ให้ จำเลย ที่ 1 ใช้ ค่าฤชาธรรมเนียม ทั้ง สาม ศาล แทน โจทก์โดย กำหนด ค่า ทนายความ 10,000 บาท นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็นไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ จำเลย ไม่ ปฎิบัติตาม คำพิพากษา ศาลฎีกาโจทก์ ยื่น คำขอ ให้ ศาลชั้นต้น ออกหมาย บังคับคดี เพื่อ ยึดทรัพย์สิน ของจำเลย ขายทอดตลาด ชำระหนี้ แก่ โจทก์ และ ดำเนินการ ให้ จำเลยส่งมอบ ที่ดิน แก่ โจทก์ ตาม คำพิพากษา ศาลฎีกา ศาลชั้นต้น ออกหมาย บังคับคดี ลงวันที่ 24 เมษายน 2534 ให้ ยึดทรัพย์สิน ของ จำเลย ที่ 1 และจัดการ ให้ โจทก์ เข้า ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว และ เจ้าพนักงาน บังคับคดีได้ ปิดประกาศ แจ้ง ให้ ทราบ ทั่ว กัน ถึง วัน กำหนด ที่ จะ ทำการ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ออกจาก ที่ดินพิพาท ตาม คำพิพากษา ศาลฎีกา
จำเลย ที่ 1 ยื่น คำร้อง ว่า การ ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี กำหนดวันที่ จะ ทำการ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออก ไป จาก ที่ดินพิพาท ซึ่ง ศาลฎีกาพิพากษา ว่า เป็น ของ โจทก์ นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ศาลฎีกา พิพากษา แต่เพียง ว่า ให้ เนื้อที่ ส่วน พิพาท ตาม หลักเขต ที่ หมาย ลม.6 ถึง ลม.9 และหลักเขต ที่ ข. 10119 ถึง ลม.9 ภายใน กรอบ เส้น สีแดง ใน แผนที่ วิวาทเป็น ของ โจทก์ คำขอ อื่น นอกจาก นี้ ให้ยก เท่านั้น มิได้ พิพากษา ให้ ขับไล่จำเลย ให้ จำเลย ออก ไป หรือ ให้ จำเลย รื้อถอน ขนย้าย ทรัพย์สิน ออกจากที่ดินพิพาท แต่อย่างใด และ คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง และ มี คำขอ ท้ายฟ้องขอให้ บังคับ จำเลย แบ่งแยก ที่ดิน ส่วน พิพาท ให้ แก่ โจทก์ มิได้ ขอให้ขับไล่ จำเลย หรือ ให้ จำเลย รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออก ไป จาก ที่ดิน ส่วนพิพาท เลย และ ศาลฎีกา มี คำพิพากษา ให้ยก คำขอ ส่วน นี้ ด้วย การ ที่เจ้าพนักงาน บังคับคดี จะ ทำการ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออกจาก ที่ดินพิพาท จึง เป็น การกระทำ ที่ เกินกว่า ที่ ศาลฎีกา มี คำพิพากษา และ ผิด ต่อกฎหมาย วิธีพิจารณา ความ แพ่ง ขอให้ ศาล มี คำสั่ง แก้ หมาย บังคับคดีของ โจทก์ โดย ให้ยก เลิก ข้อความ ที่ ว่า ให้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี จัดการให้ โจทก์ เข้า ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว เสีย และ มี คำสั่ง ให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี ถอน ประกาศ ฉบับ ลงวันที่ 12 กันยายน 2534 และ ยกเลิกการ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ใน ที่ดินพิพาท
ผู้ร้อง ยื่น คำร้อง ว่า ผู้ร้อง เช่า ที่ดินพิพาท บางส่วน จากจำเลย ที่ 1 มี กำหนด 30 ปี เพื่อ ปลูกสร้าง อาคาร ให้ ผู้อื่น เช่าเมื่อ ครบ กำหนด แล้ว ให้ สิ่งปลูกสร้าง ใน ที่ดิน ตกเป็น กรรมสิทธิ์ ของจำเลย ที่ 1 ผู้ร้อง ได้ ปลูกสร้าง อาคาร ต่าง ๆ ใน ที่ดิน เต็ม พื้นที่เช่า โดยสุจริต และ โจทก์ เจ้าของ ที่ดิน ข้างเคียง ก็ ชี้ แนวเขต ที่ดินซึ่ง มิได้ รุกล้ำ ที่ดิน โจทก์ แต่ ประการใด อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ยัง เป็นกรรมสิทธิ์ ของ ผู้ร้อง มิใช่ เป็น กรรมสิทธิ์ ของ จำเลย ที่ 1การ ที่ เจ้าพนักงาน บังคับคดี กำหนด จะ ทำการ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้างออก ไป จาก ที่ดินพิพาท เป็น การ บังคับคดี ที่ชอบ กฎหมาย ขอให้ มีคำสั่ง ยกเลิก การ บังคับคดี โดย การ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ตาม ประกาศของ เจ้าพนักงาน บังคับคดี เสีย
โจทก์ ยื่น คำคัดค้าน รวม ใจความ ว่า ศาลฎีกา ได้ มี คำพิพากษาว่า เนื้อที่ ส่วน พิพาท ตาม หลักเขต ที่ หมาย ลม.6 ถึง ลม.9 และ หลักเขตที่ ข. 10119 ถึง ลม.8 ภายใน กรอบ เส้น สีแดง ใน แผนที่ วิวาท เป็นของ โจทก์ แล้ว จำเลย จึง มี หน้าที่ ต้อง รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ที่ รุกล้ำ ออกไป เสีย และ ส่งมอบ ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่ โจทก์ แต่ จำเลย มิได้ ดำเนินการดังกล่าว โจทก์ จึง ต้อง บังคับคดี เพื่อ ให้ โจทก์ ได้ เข้า ครอบครองที่พิพาท ดังกล่าว ต่อไป คำขอ ให้ ออกหมาย บังคับคดี ของ โจทก์ เพื่อ ให้เจ้าพนักงาน บังคับคดี ดำเนินการ ให้ โจทก์ เข้า ครอบครอง เนื้อที่ ส่วนพิพาท ชอบ ด้วย กฎหมาย แล้ว และ เจ้าพนักงาน บังคับคดี มีอำนาจรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ที่ รุกล้ำ เข้า ไป ใน ที่ดินพิพาท ได้ สัญญา แบ่ง เช่าที่ดิน ของ ผู้ร้อง เป็น การเช่าที่ดิน ส่วน อื่น มิใช่ เป็น การ เช่า หรือเกี่ยวข้อง กับ ที่ดินพิพาท ระหว่าง โจทก์ กับ จำเลย ที่ 1 อาคารสิ่งปลูกสร้าง มิใช่ เป็น ของ ผู้ร้อง แต่ เป็น ของ บริษัท มหาลาภเคหะ จำกัด หาก เป็น ของ ผู้ร้อง จริง ก็ ต้อง รื้อถอน ออก ไป จาก ที่ดิน ของ โจทก์ผู้ร้อง ไม่มี สิทธิ ขอให้ งดการบังคับคดี ขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ เพิกถอน หมาย บังคับคดี ฉบับ ลงวันที่ 24เมษายน 2534 และ ให้ ออกหมาย บังคับ ใหม่ แทน โดย ไม่มี ข้อความ ว่า”และ จัดการ ให้ โจทก์ เข้า ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว ”
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ ศาลฎีกา ได้ พิพากษา แต่เพียง ว่าเนื้อที่ ส่วน พิพาท ตาม หลักเขต ที่ หมาย ลม.6 ถึง ลม.9 และ หลักเขต ที่ข. 10119 ถึง ลม.8 ภายใน กรอบ เส้น สีแดง ใน แผนที่ วิวาท เป็น ของ โจทก์คำขอ อื่น นอกจาก นี้ ให้ยก เท่านั้น ไม่ได้ มี คำสั่ง ให้ ขับไล่ จำเลย ที่ 1หรือ ให้ ต้อง ออก ไป หรือ ต้อง รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออก ไป จาก ที่ดินพิพาทฉะนั้น การ ที่ โจทก์ จะ ขอให้ ศาล ออกหมาย บังคับคดี ให้ จัดการ ให้ โจทก์เข้า ครอบครอง ที่ดินพิพาท ตาม หมาย บังคับคดี ลงวันที่ 24 เมษายน 2534เพื่อ ให้ รวม ถึง การ รื้อถอน สิ่ง กีดขวาง ต่าง ๆ รวมทั้ง สิ่งปลูกสร้างบน ที่ดินพิพาท ออก ไป ด้วย จึง เป็น การ บังคับ ที่ เกิน ไป จาก คำพิพากษาศาลฎีกา เหตุผล ต่าง ๆ ที่ โจทก์ ยกขึ้น อ้าง ไม่ ตรง กับ คดี นี้ที่ ศาลชั้นต้น ให้ เพิกถอน หมาย บังคับคดี ฉบับ ลงวันที่ 24 เมษายน 2534แล้ว ให้ ออกหมาย บังคับคดี ใหม่ แทน และ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ต้อง ตาม มาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share