คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรบุญธรรมจะมีสิทธิรับมฤดกของผู้รับบุตรบุญธรรมได้ ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้เอาทรัพย์มฤดกของผู้ตายประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งกัน ระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทายาท เมื่อได้ความว่า จำเลยก็เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดกและโจทก์ก็มิได้คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้จำเลยด้วย ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนให้จำเลยด้วยได้ และในคดีเช่นนี้ค่าฤาชาธรรมเนียมทั้งค่าทนายศาลสั่งให้ชักจากกองมฤดกก่อนแล้วจึงให้แบ่งกันระหว่างทายาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้ง ๑๒ คนกับนางทองสุกจำเลยเป็นหลานและเหลนของนางพัน ตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้อง นางพันตายมีมฤดกรวมราคา ๕๖๐๐ บาท จำเลยทั้ง ๒ ลอบเอาที่ดินอันเป็นมฤดกของนางพันไปโอนใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้รับมฤดก โจทก์ได้คัดค้านและมาฟ้องขอให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดทรัพย์มฤดกนางพัน หักเงินค่าทำศพเสีย ๑๖๐๐ บาท เหลือนั้นแบ่งกันระหว่างโจทก์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าที่นายมีจำเลยอ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมของนางพันนั้น ไม่มีในทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมที่อำเภอ จึงไม่มีสิทธิได้รับมฤดกของนางพัน ส่วนนางทองสุกจำเลยนั้นเป็นทายาทของนางพันด้วย ฎีกาของโจทก์ก็ไม่คัดค้านในการที่ศาลจะแบ่งส่วนให้แก่นางทองสุกจำเลย ๆ จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งด้วย จึงพิพากษาแก้ให้เอาทรัพย์มฤดกตามบัญชีท้ายฟ้อง ออกประมูลราคาหรือขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดเป็นค่าทำศพนางพัน ๑๖๐๐ บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง ๓ ศาล และค่าทนายฝ่ายละ ๕๐๐ บาทชักจากกองมฤดก เหลือจากนั้นแบ่งกันระหว่างโจทก์ และนางทองสุกจำเลยตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้.

Share