คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5735/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (7) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่กฎหมายได้กำหนดให้เกิดสภาวะหยุดนิ่งหรือพักการชำระหนี้ (automatic stay) ขึ้น นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้พิจารณา โดยมีวัตถุประสงค์ในการสงวนรักษาทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่การรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาจัดสรรชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามระบบที่กฎหมายกำหนดไว้ภายใต้กรอบของแผนฟื้นฟูกิจการ และให้เวลาแก่ลูกหนี้หรือผู้ทำแผนสำรวจความบกพร่องของกิจการนำไปวางแผน ปรับปรุง แก้ไข ให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งลดความกดดันทางการเงินจากการถูกเจ้าหนี้บังคับยึดทรัพย์สินหรือหลักประกัน บทบัญญัติมาตรา 90/27 และมาตรา 90/60 แสดงให้เห็นว่า มูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ทุกประเภทจะต้องเข้ามาอยู่ในระบบการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้หนี้สินของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วได้รับการสะสางภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการให้เสร็จสิ้นไป สำหรับทรัพย์สินของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้มีคำสั่งยึดและอายัดไว้ก่อนวันที่ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้พิจารณานั้น เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองในการห้ามมิให้เจ้าหนี้ยึดหรือขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไปแล้ว ก็เพื่อให้การชำระหนี้จะต้องเป็นไปตามแผนนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความด้วยว่า มูลหนี้ของเจ้าหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยชอบ แผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ไว้ และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว เจ้าหนี้จึงผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามแผนซึ่งรวมถึงการได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ด้วย ไม่อาจได้รับชำระหนี้โดยวิธีอื่นนอกจากจำนวนและตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผน เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ได้ยึดและอายัดไว้ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 12 ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2545 และตั้งบริษัทมาสเท็กซ์ แพนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2546 โดยมีผู้ทำแผนเป็นผู้บริหารแผน
ผู้บริหารแผนยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดินหรือนายทะเบียนที่เกี่ยวข้องให้ถอนการยึด อายัดหรือยกเลิกการระงับการทำนิติกรรมใด ๆ ที่เจ้าหนี้ได้ดำเนินการไว้ต่อทรัพย์สินของลูกหนี้รวม 5 รายการ ดังกล่าว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ถอนการยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ภายใน 15 วัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนา ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เจ้าหนี้ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้รวม 5 รายการ ตามคำร้องของผู้บริหารแผนไว้ก่อนวันที่ 18 เมษายน 2545 ซึ่งเป็นวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้พิจารณา หลังจากศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้และถูกจัดให้อยู่ในเจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 ต่อมาศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน คดีถึงที่สุด มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า การที่เจ้าหนี้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการตกอยู่ในบังคับแห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 (7) ที่ห้ามมิให้เจ้าหนี้ซึ่งบังคับชำระหนี้ได้เองตามกฎหมายยึดทรัพย์สินหรือขายทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่กฎหมายได้กำหนดให้เกิดสภาวะหยุดนิ่งหรือพักการชำระหนี้ (Automatic stay) ขึ้นนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้พิจารณา โดยมีวัตถุประสงค์ในการสงวนรักษาทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่การรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาจัดสรรชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างเป็นธรรมและเป็นไปตามระบบที่กฎหมายกำหนดไว้ภายใต้กรอบของแผนฟื้นฟูกิจการและให้เวลาแก่ลูกหนี้หรือผู้ทำแผนสำรวจความบกพร่องของกิจการนำไปวางแผน ปรับปรุง แก้ไข ให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งลดความกดดันทางการเงินจากการถูกเจ้าหนี้บังคับยึดทรัพย์สินหรือหลักประกัน และมาตรา 90/27 บัญญัติว่า “เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ…” กรณีเป็นการกำหนดให้เจ้าหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการก็เพื่อให้ผู้ทำแผนทราบถึงจำนวนหนี้สินของลูกหนี้ที่จะต้องนำทรัพย์สินของลูกหนี้มาจัดสรรชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ และเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ก็จะได้รับการชำระหนี้ตามจำนวนและเงื่อนไขที่กำหนดในแผน ซึ่งมาตรา 90/60 บัญญัติว่า “แผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้และเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ…” บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า มูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ทุกประเภทจะต้องเข้ามาอยู่ในระบบการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้หนี้สินของลูกหนี้ที่มีอยู่แล้วได้รับการชำระสะสางภายใต้กระบวนการของแผนฟื้นฟูกิจการให้เสร็จสิ้นไป เจ้าหนี้ซึ่งมีมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้จึงต้องผูกพันในแผนฟื้นฟูกิจการ กล่าวคือ เมื่อศาลสั่งเห็นชอบด้วยแผนสิทธิของเจ้าหนี้ในการได้รับชำระหนี้ย่อมเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในแผน สิทธิของเจ้าหนี้ในการจะบังคับชำระหนี้เองในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้นี้ย่อมสิ้นไป สำหรับทรัพย์สินของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้มีคำสั่งยึดและอายัดไว้ก่อนวันที่ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไว้พิจารณานั้น เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองในการห้ามมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินหรือขายทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไปแล้วก็เพื่อให้การชำระหนี้จะต้องเป็นไปตามแผนนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความด้วยว่า มูลหนี้ของเจ้าหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยชอบ แผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ไว้ และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว เจ้าหนี้จึงผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามแผนซึ่งรวมถึงการได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ด้วย ทั้งนี้ โดยผลของมาตรา 90/60 ดังกล่าว เจ้าหนี้ไม่อาจได้รับชำระหนี้โดยวิธีอื่นนอกจากจำนวนและตามเงื่อนไขที่กำหนดในแผนนั้น ทั้งไม่มีสิทธิยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้อีกต่อไป ผู้บริหารแผนชอบที่จะขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าหนี้นั้นเสีย อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ถอนการยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ภายใน 15 วัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนานั้น เห็นว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่สิทธิการยึดและอายัดทรัพย์สินอขงเจ้าหนี้ระงับไปโดยผลของกฎหมาย มิใช่เป็นเรื่องการทำนิติกรรมระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้เจ้าหนี้กระทำให้ถูกต้องได้โดยไม่จำต้องสั่งให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาตาม ป.พ.พ. มาตรา 213 วรรคสอง
อนึ่ง อุทธรณ์ของเจ้าหนี้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลล้มละลายกลางเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผน เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ 200 บาท เจ้าหนี้เสียค่าขึ้นศาลมา 1,000 บาท ค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินมาจึงคืนให้แก่เจ้าหนี้
พิพากษายืน โดยไม่มีคำสั่งว่าให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนาของเจ้าหนี้ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เรียกเก็บเกินมา 800 บาท แก่เจ้าหนี้ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้นอกจากที่ศาลฎีกาสั่งคืนให้เป็นพับ.

Share