คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยยิงปืนเข้าไปในห้องน้ำโดยรู้ว่าผู้เสียหายอยู่ในนั้นจำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้จึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 21 สิงหาคม 2536 เวลา กลางคืนหลัง เที่ยง จำเลย ได้ กระทำ ความผิด ต่อ กฎหมาย หลายกรรม ต่างกันกล่าว คือ จำเลย มี อาวุธปืน ลูกซอง สั้น ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอกไม่มี เครื่องหมาย ของ นายทะเบียน ประทับ ไว้ พร้อม กระสุนปืน 1 นัดซึ่ง ใช้ ยิง ได้ ไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต พา อาวุธปืน ดังกล่าวติดตัว ไป ใน เมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะ โดย ไม่มี เหตุสมควร และ ไม่ได้รับ อนุญาต และ ใช้ อาวุธปืน ดังกล่าว ยิง นาง วนิดา โสภาคย์ ผู้เสียหาย โดย เจตนาฆ่า กระสุนปืน ถูก ที่ บริเวณ ปลาย แขน ซ้าย เหนือ ข้อมือผู้เสียหาย ได้รับ บาดเจ็บ เป็น อันตรายแก่กาย และ จิตใจ จำเลย ลงมือกระทำ ความผิด ไป ตลอด แล้วแต่ การกระทำ ไม่บรรลุผล เพราะ กระสุนปืนไม่ ถูก อวัยวะ ที่ สำคัญ ประกอบ กับ แพทย์ ได้ ผ่าตัด รักษา ได้ ทันผู้เสียหาย จึง ไม่ถึง แก่ ความตาย ดัง เจตนา ของ จำเลย เหตุ เกิด ที่แขวง บางบอน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่ง เทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ , 72, 72 ทวิ และ ริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390, 371 พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ (ที่ ถูกมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง ), 72 วรรคหนึ่ง 72 ทวิ วรรคสอง เรียง กระทงลงโทษ ลงโทษ ฐาน มี อาวุธปืน ไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต จำคุก3 ปี ฐาน พา อาวุธปืน ไป ใน เมือง หมู่บ้าน และ ทางสาธารณะ ให้ ลงโทษตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ ซึ่ง เป็น บทที่ มี โทษหนัก ที่สุด จำคุก 1 ปีรวม จำคุก 4 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพ ความผิด เกี่ยวกับ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ใน ชั้นสอบสวน และ ทางนำสืบ ของ จำเลย เป็น ประโยชน์ แก่ การพิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กึ่งหนึ่ง คง จำคุก 2 ปี ฐาน กระทำ โดยประมาท เป็นเหตุ ให้ ผู้อื่น ได้รับอันตรายแก่กาย ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 จำคุก 1 เดือนรวม จำคุก 2 ปี 1 เดือน ริบของกลาง ข้อหา อื่น ให้ยก
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ให้ จำคุก 10 ปี จำเลย มอบตัว และ ให้การรับสารภาพใน ชั้นสอบสวน และ บรรเทา ผล ร้าย โดย ชดใช้ ค่าเสียหาย ให้ แก่ ผู้เสียหายไป บางส่วน มีเหตุ บรรเทา โทษ ลดโทษ ให้ กึ่งหนึ่ง ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คง จำคุก 5 ปี เมื่อ รวม โทษ ทุกกระทง แล้ว เป็น จำคุก 7 ปีนอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ทางพิจารณา โจทก์ นำสืบ ว่า วันที่ 21สิงหาคม 2536 เวลา 18 นาฬิกา นาง วนิดา โสภาคย์ ผู้เสียหาย ไป เยี่ยม นาง ศุภลักษณ์ บุญเสนอ ที่ ห้องเช่า ซึ่ง อยู่ ติดกับ ห้อง ของ นาง สมบัติ สุขเจริญ มารดา จำเลย เวลา ประมาณ 22 นาฬิกา จำเลย มา ถาม หา สามี ของ ผู้เสียหาย และ มี ปาก เสียง กัน โดย จำเลย เข้าใจ ว่าผู้เสียหาย ค้าง ค่าเช่า ห้อง ของ มารดา จำเลย หลังจาก นั้น จำเลย ได้ แยก ไปเวลา 23 นาฬิกา จำเลย มา หา ผู้เสียหาย อีก ขณะ นั้น อยู่ ห่าง ประมาณ4 เมตร เอา มือ ถือ ปืนพก ไขว้หลัง แล้ว ยื่น ปืนพก ตรง ไป ข้างหน้ายิง ผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืน ถูก แขน ซ้าย ไป ตุงอ ยู่ใน ข้อ ศอกผู้เสียหาย ตกใจ วิ่ง เข้า ห้องนอน ใส่ กลอน ประตู เพราะ กลัว จำเลย จะ ยิง ซ้ำจำเลย พูด ว่า ใคร มี ปัญหา อยาก ลองอีก ไหม หลังจาก นั้น จำเลย หลบหนีไป วันที่ 15 มิถุนายน 2537 จำเลย มอบตัว ต่อ พนักงานสอบสวนชั้นสอบสวน จำเลย ให้การรับสารภาพ ตาม เอกสาร หมาย จ. 10และ ได้ นำ ชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบ คำให้การ รับสารภาพ ตาม ภาพถ่าย หมาย จ. 11
จำเลย นำสืบ ว่า ขณะที่ จำเลย ถือ ปืน มา ยัง ห้องเช่า ไม่เห็นผู้เสียหาย เข้าใจ ว่า ผู้เสียหาย อยู่ ใน ห้อง จำเลย จึง ยิง ปืน ไป ยังห้องน้ำ ซึ่ง ไม่มี คน เพื่อ ขู่ ผู้เสียหาย
พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ใน เบื้องต้น ฟังได้ ว่า ตาม วัน เวลาเกิดเหตุ จำเลย ใช้ ปืน ยิง กระสุนปืน ถูก ผู้เสียหาย ที่ ปลาย แขน ซ้าย เหนือข้อมือ กระสุน ฝัง ใน ข้อหา ฐาน มี อาวุธปืน และ พา อาวุธปืน จำเลย มิได้อุทธรณ์ คดี จึง ถึงที่สุด มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่า จำเลยไม่มี เจตนาฆ่า ผู้เสียหาย จริง หรือไม่ จำเลย ฎีกา ว่า จำเลย ยิง ปืนเล็ง ไป ที่ ห้องน้ำ จำเลย ไม่มี เจตนา จะ ยิง ผู้เสียหาย นั้น โจทก์ นำนาง วนิดา โสภาคย์ ผู้เสียหาย มา เบิกความ ว่า ใน วันเกิดเหตุ เวลา 18 นาฬิกา ผู้เสียหาย มา เยี่ยม นาง ศุภลักษณ์ บุญเสนอ น้องสาว เห็น จำเลย ดื่ม สุรา อยู่ จน ถึง เวลา 22 นาฬิกา เศษ จำเลย มา สอบถาม หา สามีผู้เสียหาย ผู้เสียหาย ตอบ ไป ว่า ไม่อยู่ จำเลย ก็ กลับ ไป ต่อมา ประมาณ5 นาที จำเลย ก็ กลับมา ทวง ค่าเช่า บ้าน จาก ผู้เสียหาย อ้างว่าผู้เสียหาย ค้างชำระ ค่าเช่า บ้าน ผู้เสียหาย โต้เถียง กับ จำเลย ว่า มีหลักฐาน การค้า งชำระ ค่าเช่า บ้าน หรือไม่ จำเลย โกรธ พูด ว่า ต้องการหลักฐาน ใช่ ไหม แล้ว จำเลย ก็ กลับ ไป ต่อมา เวลา ประมาณ 23 นาฬิกาขณะที่ ผู้เสียหาย นั่ง อยู่ หน้า ห้องเช่า พูด คุย กับ นาง ศุภลักษณ์ และ เพื่อน ซึ่ง เช่า อยู่ ห้อง ตรงกันข้าม จำเลย เดิน กลับมา ยืน อยู่ ห่าง จากผู้เสียหาย ประมาณ 4 เมตร ยิง ปืน มา ยัง ผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูก แขน ซ้าย ของ ผู้เสียหาย แล้ว จำเลย พูด ขึ้น ว่า ใคร มี ปัญหา อยาก ลองอีก ไหม พันตำรวจโท ลือชัย เดชาคนีวงศ์ พนักงานสอบสวน ก็ เบิกความ ว่า ได้ แจ้ง ข้อหา จำเลย ว่า พยายามฆ่าผู้อื่น จำเลย ให้การรับสารภาพได้ บันทึก คำให้การ จำเลย ไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 10 จำเลย นำ ชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพ ตาม ภาพถ่าย เอกสาร หมาย จ. 11 เห็นว่าตาม คำให้การ ใน ชั้นสอบสวน จำเลย มิได้ ให้การ ว่า จำเลย ยิง ปืน ไป ที่ห้องน้ำ เพื่อ ข่มขู่ ผู้เสียหาย แต่อย่างใด ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ถ้า จำเลยเจตนา ยิง ผู้เสียหาย ใน ระยะ 4 เมตร กระสุนปืน จะแผ่วงกว้าง เต็ม หน้าอก ของ ผู้ถูกยิง นั้น เห็นว่า ตาม ภาพถ่าย ที่ จำเลยนำ ชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพ ตาม เอกสาร หมาย จ. 11 ภาพ ที่ 2จำเลย นำ ชี้ ว่า จำเลย ยืน ยิง ตรง ปาก ทางเดิน ใน ห้องพัก แสดง ว่า จำเลยยืน ยิง อยู่ ด้าน ข้าง ของ ผู้เสียหาย มิได้ ยืน ยิง อยู่ ตรง หน้า ผู้เสียหายกระสุนปืน จึง มิได้ พุ่ง ตรง ที่ ลำตัว หรือ หน้าอก ผู้เสียหาย แต่ ถูกแขน ซ้าย ของ ผู้เสียหาย ซึ่ง ผู้เสียหาย เบิกความ ว่า ขณะ นั้น ผู้เสียหายใช้ แขน โอบ อยู่ ตรง หน้าอก โผล่อ อก มา ทาง ประตู การ ที่ จำเลย ยิง ปืน เข้าไป ใน ห้อง ซึ่ง จำเลย ก็ รู้ ว่า ผู้เสียหาย อยู่ ใน ห้อง ดังกล่าว จำเลยย่อม เล็งเห็น ได้ว่า กระสุนปืน อาจ ถูก ผู้เสียหาย ถึงแก่ความตาย ได้จำเลย จึง มี ความผิด ฐาน พยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ชอบแล้ว ฎีกาของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share