แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 28 กันยายน 2541 จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนี้ภายในวันที่ 28 กันยายน 2541 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 หากไม่อาจยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลชั้นต้นได้โดยเหตุสุดวิสัย จำเลยจะยื่นอุทธรณ์โดยทำเป็นคำร้องต่อศาลซึ่งตนอยู่ในเขตศาลในขณะนั้นก็ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 10 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15
ทนายจำเลยได้รับมอบหมายจากจำเลยให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดลพบุรี) และทนายจำเลยได้ ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไป 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาขอขยายวันที่ 29 กันยายน 2541 แต่ศาลชั้นต้น ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ไปเพียงวันที่ 28 กันยายน 2541 ซึ่งในวันที่ 28 กันยายน 2541 ทนายจำเลยไปดูที่เกิดเหตุคดีอื่นภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา เวลาประมาณ 8 นาฬิกา ปรากฏว่ารถยนต์ของทนายจำเลยขับไปชนก้อนหินขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้ก้นถังน้ำมันเครื่องแตก ช่างไม่สามารถทำการซ่อมให้เสร็จในวันเดียวกันหรือหากเสร็จก็จะเป็นเวลาเย็น เป็นเหตุให้ทนายจำเลยกลับมายื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีไม่ทัน ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งเป็นศาลที่ทนายจำเลยอยู่ภายในเขตศาล เนื่องจากทนายจำเลยไปคนเดียวและรถยนต์ ของทนายจำเลยมีราคาประมาณสองล้านบาทและไม่รู้จักกับเจ้าของอู่ซ่อมรถ จึงไม่อาจทิ้งรถยนต์ไว้ที่อู่ซ่อมรถ เมื่อมีเหตุที่ทนายจำเลยไม่อาจที่จะกลับไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดลพบุรี) ได้ทัน ถือว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อันเป็นเหตุสุดวิสัย ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งทนายจำเลยอยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 10 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง
จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นขยายให้ไปแล้ว ๑ วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่าในวันครบกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราโดยยื่นคำร้องว่าไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นได้ทันโดยเหตุสุดวิสัย เนื่องจากทนายจำเลยเดินทางมาดูสถานที่เกิดเหตุที่จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะเกิดอุบัติเหตุ ไม่สามารถใช้ขับกลับจังหวัดลพบุรีได้ ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรามีคำสั่งว่าลงรับไว้แล้วรีบส่งศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งต่อไป ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วว่า คดีนี้จำเลยได้รับอนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีซึ่งเป็นศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนี้ภายในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๘ หากไม่อาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีได้โดยเหตุสุดวิสัย จำเลยจะยื่นอุทธรณ์โดยทำเป็นคำร้องต่อศาลซึ่งตนอยู่ในเขตศาลในขณะนั้น (ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา) ก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๐ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ทนายจำเลยได้รับมอบหมายจากจำเลยให้ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลจังหวัดลพบุรี และทนายจำเลยได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ไป ๑๕ วัน ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาขอขยายวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๑ แต่ศาลจังหวัดลพบุรีขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ไปเพียงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ ซึ่งในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ ทนายจำเลยไปดูที่เกิดเหตุคดีอื่นภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา เวลาประมาณ ๘ นาฬิกา ปรากฏว่ารถยนต์ของทนายจำเลยขับไปกระทบก้อนหินขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้ก้นถังน้ำมันเครื่องแตก ช่างบอกว่าไม่สามารถทำการซ่อมให้เสร็จในวันนี้หรือหากเสร็จก็จะเป็นเวลาเย็น เป็นเหตุให้ทนายจำเลยกลับมายื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีไม่ทัน ทนายจำเลยจึงได้ยื่นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ เวลา ๑๕.๓๐ นาฬิกา เห็นว่า แม้ทนายจำเลยจะเบิกความเพียงปากเดียวว่ารถยนต์ของทนายจำเลยกับถังน้ำมันเครื่องแตกเนื่องจากอุบัติเหตุชนก้อนหินนั้น ไม่สามารถซ่อมเสร็จจนขับกลับจังหวัดลพบุรีได้ทันเวลาทำการของศาลจังหวัดลพบุรีในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ และการที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทราในวันนั้นเวลา ๑๕.๓๐ นาฬิกา ย่อมแสดงว่ามีเหตุที่ทนายจำเลยไม่อาจที่จะกลับไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีได้ทันตามที่เบิกความจริง การที่ทนายจำเลยไม่เดินทางโดยรถยนต์คันอื่นกลับไปจังหวัดลพบุรีโดยอ้างว่ามาคนเดียว รถยนต์ของทนายจำเลยมีราคาแพงประมาณสองล้านบาท ไม่รู้จักเจ้าของอู่ซ่อมรถจึงไม่อาจนำรถของทนายจำเลยทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมรถยนต์นั้นก็มีเหตุผลให้รับฟังได้ ฉะนั้นเหตุการณ์ที่ทนายจำเลยกล่าวอ้างถือว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทนายจำเลยไม่อาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดลพบุรีได้ ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งทนายจำเลยอยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๐ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ อนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์และให้ถือว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๑ ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาดำเนินการต่อไป.