แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่อ้างว่า ส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบเพราะไม่มีผู้ใดไปส่งหมายนัดหรือนำไปปิดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จะฟังว่าการส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบ แต่ก็มีการส่งให้แก่ทนายโจทก์โดยชอบแล้วจึงมีคำสั่งยกคำร้อง ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่อ้างว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้แก่พ.ซึ่งเป็นเสมียนทนายของ บ. แต่ได้ลาออกไปแล้วเพราะมีเหตุขัดแจ้งกับ บ. โดยหยุดงานไปเลยและมิได้แจ้งให้ใครทราบ และมิได้แจ้งหรือนำหมายนัดให้แก่ทนายโจทก์ทราบแต่ประการใดทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตัวโจทก์เองก็ไม่ได้รับหมายนัดหรือมีบุคคลใดนำหมายนัดไปปิดไว้ที่บ้านโจทก์โจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ แต่ปัญหาดังกล่าวแม้จะเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่โจทก์ก็เพียงแต่อธิบายยืนยันถึงเหตุที่ว่าโจทก์ไม่ได้รับหมายนัดและไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เท่านั้น โดยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538 โดยฝ่ายโจทก์ไม่มาฟังคำพิพากษาต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2538 โจทก์ยื่นคำร้องว่าเจ้าหน้าที่ศาลไม่ได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ไปส่งหรือปิดไว้ที่บ้านของโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ชอบ เพราะโจทก์ไม่ทราบวันนัดขอให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้โจทก์ฟังใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถึงแม้จะฟังว่ายังไม่ได้ส่งหมายนัดให้ตัวโจทก์ทราบก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าได้ส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์ทราบโดยชอบแล้วถือว่าได้ส่งหมายให้ฝ่ายโจทก์ทราบแล้วการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงชอบด้วยกฎหมายให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ยกอุทธรณ์โจทก์ชอบหรือไม่เห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ อ้างว่าส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบเพราะไม่มีผู้ใดไปส่งหมายนัดหรือนำไปปิด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าแม้จะฟังว่าการส่งหมายนัดแก่โจทก์ไม่ชอบ แต่ก็มีการส่งให้แก่ทนายโจทก์โดยชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกคำร้อง อุทธรณ์ของโจทก์ที่อ้างว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้กับนางพัชรินทร์ ลิ้มแดงสงวน ซึ่งเป็นเสมียนทนายของนายบุญฤทธิ์ คำนูญวัฒน์ แต่ได้ลาออกไปแล้วเพราะมีเหตุขัดแย้งกับนายบุญฤทธิ์โดยหยุดงานไปเลยโดยมิได้แจ้งให้ใครทราบและมิได้แจ้งหรือนำหมายนัดให้แก่ทนายโจทก์ทราบแต่ประการใดทนายโจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตัวโจทก์เองก็ไม่ได้รับหมายนัดหรือมีบุคคลใดนำหมายนัดไปปิดไว้ที่บ้านโจทก์ โจทก์จึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้วินิจฉัยไว้ แต่ปัญหาดังกล่าวศาลฎีกา เห็นว่าแม้จะเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นดังที่โจทก์ฎีกา แต่โจทก์ก็เพียงแต่อธิบายยืนยันถึงเหตุที่ว่าโจทก์ไม่ได้รับหมายนัดและไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เท่านั้น โดยมิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไร จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง
พิพากษายืน