คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5705/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยลูกหนี้ลงชื่อรับทราบยอดหนี้ค่าสินค้าที่ติดค้างทั้งหมดแก่โจทก์เจ้าหนี้โดยมิได้อิดเอื้อน ถือว่าจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว เมื่อเป็นการรับสภาพหนี้ในเวลาก่อนที่อายุความจะครบบริบูรณ์ จึงทำให้อายุความใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์สะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องคดียังไม่เกินกำหนด 2 ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ซื้อและรับมอบสินค้าจากโจทก์โดยตกลงว่าถ้าผิดนัดไม่ชำระราคา ยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยได้ตามกฎหมาย จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์รวม 4 งวด เป็นเงิน 156,282.90 บาทจำเลยทั้งสองทราบยอดหนี้ค่าสินค้าและจำเลยที่ 1 ได้ให้จำเลยที่ 2ลงชื่อรับสภาพหนี้ไว้ในใบแจ้งยอดหนี้ แต่ขอผัดผ่อนเรื่อยมา ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่เคยสั่งซื้อและรับมอบสินค้าจากโจทก์ และไม่เคยรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ โจทก์ฉ้อฉลให้จำเลยที่ 2ลงชื่อในใบแจ้งยอดหนี้โดยสำคัญผิด และคดีโจทก์ขาดอายุความมิให้ฟ้องภายใน 2 ปี นับแต่วันที่มีการรับมอบสินค้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน156,282.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเพราะมิได้ฟ้องเรียกร้องภายในกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ลงชื่อรับทราบยอดหนี้ค่าสินค้าที่ติดค้างทั้งหมดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2525 โดยมิได้อิดเอื้อน ถือว่าจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์แล้วในเวลาก่อนที่อายุความจะครบบริบูรณ์ ทำให้อายุความใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์สะดุดหยุดลงโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 ยังไม่เกินกำหนด2 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share