คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5683/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยไม่ได้มอบหมายหรือแต่งตั้งจำเลยร่วมเป็นตัวแทนซื้อปุ๋ยรายพิพาทกับโจทก์ และการซื้อปุ๋ยของจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของจำเลยข้อ 56 แต่พฤติการณ์ที่จำเลยปล่อยให้จำเลยร่วมแสดงออกเป็นตัวแทนของจำเลยในการซื้อขายปุ๋ยกับโจทก์ในระหว่างปี 2537 ถึงปี 2538 ก่อนการซื้อขายรายพิพาทถึง 5 ครั้ง มีการออกใบกำกับสินค้าและใบเสร็จรับเงินรับเงินให้กันในนามของโจทก์และจำเลยโดยจำเลยไม่ได้ทักท้วง ประกอบกับ ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็เคยซื้อปุ๋ยจากจำเลยมาก่อน 7 ถึง 8 ครั้ง โดยติดต่อกับจำเลยร่วม ได้ชำระราคาครบถ้วนและยืนยันว่าซื้อปุ๋ยรายพิพาทจำนวน 1,000 กระสอบ จากจำเลยโดยติดต่อผ่านจำเลยร่วม เมื่อครบกำหนดชำระเงินงวดแรกก็ได้ชำระค่าสินค้าให้แก่พนักงานเก็บเงินของจำเลย ทั้งจำเลยออกหลักฐานการชำระเงินค่าสินค้าลงชื่อพนักงานของจำเลยพร้อมประทับตราของจำเลยตามใบเสร็จรับเงิน ซึ่ง ว. พนักงานของจำเลยมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ยอมรับในข้อนี้และยังเบิกความด้วยว่า จำเลยร่วมมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของจำเลยมีอำนาจสูงสุดในการจัดการแทนจำเลย แสดงว่าจำเลยร่วมเป็นพนักงานที่มีตำแหน่งสูงสุดของจำเลย ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยรู้แล้วยอมให้จำเลยร่วมเชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยว่ามีอำนาจสั่งซื้อขายสินค้ากับบุคคลภายนอกแทนจำเลยได้ จำเลยซึ่งเป็นตัวการจึงต้องรับผิดชำระค่าปุ๋ยที่ค้างชำระให้แก่โจทก์ที่เป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยร่วมเป็นตัวแทนของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 821 ส่วนจำเลยร่วมเป็นเพียงตัวแทนเชิดของจำเลยและได้กระทำไปภายในขอบอำนาจไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 188,941.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 183,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนางสาวกรรณิการ์หรือแจ๋วเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 183,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2541 (วันผิดนัด) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (วันที่ 16 มีนาคม 2542) ต้องไม่เกิน 5,941.23 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท ยกฟ้องจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยร่วมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยร่วมชำระเงิน 183,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (วันที่ 16 มีนาคม 2542) ต้องไม่เกิน 5,941.23 บาท กับให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท และใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท ยกฟ้องจำเลย
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมไม่ฎีกาโต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2541 จำเลยร่วมได้ซื้อปุ๋ยจำนวน 1,000 กระสอบ ราคา 368,000 บาท ไปจากโจทก์ และโจทก์ได้รับชำระค่าสินค้าแล้วเป็นเงิน 185,000 บาท คงค้างชำระจำนวน 183,000 บาท
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยร่วมเป็นตัวแทนจำเลยในการซื้อปุ๋ยพิพาทจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางกิติมาผู้จัดการโจทก์เป็นพยานเบิกความว่า ระหว่างปี 2537 ถึงปี 2538 โจทก์และจำเลยเคยซื้อขายสินค้ากันมาก่อน 5 ครั้ง ทุกครั้งมีพยานเป็นตัวแทนของโจทก์ และจำเลยร่วมเป็นตัวแทนของจำเลยติดต่อซื้อขายระหว่างกันโดยไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อ 56 ของโจทก์และจำเลย และมีการชำระราคาครบถ้วนตามสำเนาใบกำกับสินค้าและสำเนาใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.11 จ.12 และ จ.16 จำเลยได้ถือเอาประโยชน์จากการซื้อขายดังกล่าวตลอดมา โจทก์ได้ทำรายการซื้อขายกับบัญชีแยกประเภทไว้ตามสำเนาสมุดรายวันทั่วไป สำเนาบัญชีลูกหนี้การค้า และสำเนาบัญชีเจ้าหนี้การค้าเอกสารหมาย จ.13 จ.14 จ.18 จ.20 ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2541 จำเลยร่วมได้สั่งซื้อปุ๋ยจากโจทก์จำนวน 1,000 กระสอบ ในราคา 368,000 บาท และจำเลยร่วมได้มอบเอกสารมีข้อความว่าให้ส่งมอบปุ๋ยดังกล่าวให้แก่ผู้ถือเอกสารที่นำรถยนต์สิบล้อ “โกเฮง” หมายเลขทะเบียน 80 – 6533 โจทก์จึงมอบปุ๋ยที่สั่งซื้อให้นายธีระศักดิ์ที่ถือหนังสือของจำเลยร่วมไป โดยโจทก์มีนายธีระศักดิ์เป็นพยานเบิกความสนับสนุนว่า พยานรับจ้างจำเลยร่วมให้ขนปุ๋ยรายพิพาทจากโจทก์ให้ไปส่งที่ร้าน ส. เจริญ ของนายสุรัตน์ และโจทก์ออกใบกำกับสินค้าให้ ตามสำเนาใบกำกับสินค้าเอกสารหมาย จ.24 และโจทก์ยังมีนายสุรัตน์เป็นพยานเบิกความว่า เคยซื้อปุ๋ยจากจำเลย 7 ถึง 8 ครั้ง โดยติดต่อขอซื้อจากจำเลยร่วมและนายวุฒิชัยครั้งสุดท้าย พยานสั่งซื้อปุ๋ยจากจำเลยโดยจำเลยร่วมโทรศัพท์แจ้งว่ามีปุ๋ยค้างสต๊อกใกล้หมดอายุให้ช่วยมารับจำหน่าย พยานได้สั่งซื้อจำนวน 1,000 กระสอบ ในราคากระสอบละ 370 บาท มีข้อตกลงให้ชำระงวดแรก 500 กระสอบ ภายใน 7 วัน ส่วนที่เหลือชำระภายใน 30 วัน เมื่อครบกำหนด 7 วัน พยานได้นำเงินจำนวน 185,000 บาท ไปชำระให้นายวุฒิชัยพนักงานเก็บเงินของจำเลย นายวุฒิชัยออกหลักฐานการชำระเงินลงชื่อประทับตราของจำเลยให้ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.25 ต่อมาทราบจากโจทก์ว่าสินค้าที่นำมาขายเป็นของโจทก์ ขอให้พยานชำระค่าสินค้าส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์ พยานจึงชำระค่าสินค้าที่ค้างให้โจทก์จำนวน 185,000 บาท ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.26 ส่วนจำเลยมีนายนาคผู้รับมอบอำนาจจำเลยและนายบกประธานกรรมการจำเลยเป็นพยานเบิกความลอยๆ เพียงว่า จำเลยไม่เคยซื้อขายสินค้ากับโจทก์ จำเลยร่วมไม่มีอำนาจซื้อขายปุ๋ยแทนจำเลยและจำเลยร่วมไม่เคยเป็นตัวแทนของจำเลย การดำเนินการแทนจำเลยต่อบุคคลภายนอกจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับข้อที่ 56 โดยได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมและมีหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น แต่จำเลยไม่ได้นำหลักฐานการทำรายการซื้อขายและบัญชีแยกประเภทของจำเลยในปี 2537 ถึงปี 2538 มาแสดงเพื่อหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ เห็นว่า แม้จำเลยไม่ได้มอบหมายหรือแต่งตั้งจำเลยร่วมเป็นตัวแทนซื้อปุ๋ยรายพิพาทกับโจทก์ และการซื้อปุ๋ยของจำเลยร่วมไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของจำเลยข้อ 56 แต่พฤติการณ์ที่จำเลยปล่อยให้จำเลยร่วมแสดงออกเป็นตัวแทนของจำเลยในการซื้อขายปุ๋ยกับโจทก์ในระหว่างปี 2537 ถึงปี 2538 ก่อนการซื้อขายปุ๋ยรายพิพาทถึง 5 ครั้ง มีการออกใบกำกับสินค้าและใบเสร็จรับเงินให้กันในนามของโจทก์และจำเลยตามเอกสารหมาย จ.11 จ.12 และ จ.16 โดยจำเลยไม่ได้ทักท้วง ประกอบกับนายสุรัตน์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็เคยซื้อปุ๋ยจากจำเลยมาก่อน 7 ถึง 8 ครั้ง โดยติดต่อกับจำเลยร่วม ได้ชำระราคาครบถ้วนและยืนยันว่าซื้อปุ๋ยรายพิพาทจำนวน 1,000 กระสอบ จากจำเลยโดยติดต่อผ่านจำเลยร่วม เมื่อครบกำหนดชำระเงินงวดแรกก็ได้ชำระค่าสินค้าให้แก่พนักงานเก็บเงินของจำเลย ทั้งจำเลยออกหลักฐานการชำระเงินค่าสินค้าลงชื่อพนักงานของจำเลยพร้อมประทับตราของจำเลยตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.25 ซึ่งนายวุฒิชัยพนักงานของจำเลยมาเบิกความเป็นพยานโจทก์ยอมรับในข้อนี้และยังเบิกความด้วยว่า จำเลยร่วมมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการของจำเลยมีอำนาจสูงสุดในการจัดการแทนจำเลย แสดงว่าจำเลยร่วมเป็นพนักงานที่มีตำแหน่งสูงสุดของจำเลย ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยรู้แล้วยอมให้จำเลยร่วมเชิดตัวเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยว่ามีอำนาจสั่งซื้อขายสินค้ากับบุคคลภายนอกแทนจำเลยได้ จำเลยซึ่งเป็นตัวการจึงต้องรับผิดชำระค่าปุ๋ยที่ค้างชำระให้แก่โจทก์ที่เป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยร่วมเป็นตัวแทนของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 ส่วนจำเลยร่วมเป็นเพียงตัวแทนเชิดของจำเลยและได้กระทำไปภายในขอบอำนาจ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share