คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางเดิน เมื่อโจทก์อ้างว่าใช้มานานโดยมิได้อาศัยสิทธิของใครแต่จำเลยว่าโจทก์ใช้มาในฐานะเป็นญาติกัน เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับว่าโจทก์ได้ใช้ทางมาโดยปรปักษ์ จะต้องให้คู่ความนำสืบต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ใช้ทางเดินเข้าออกผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะมานานประมาณ ๖๐-๗๐ ปีแล้วไม่มีบุคคลใดหวงห้าม ย่อมถือว่าที่ดินของจำเลยตกเป็นภาวะจำยอม เมื่อวันที่ ๕-๖ กรกฎาคม ๒๔๘๗ จำเลยบังอาจปิดรั้วกันประตูทางเดินนั้นเสียทำให้โจทก์ใช้ทางเดินเข้าออกไม่ได้ ขอให้บังคับให้จำเลยเปิดทางให้โจทก์เดินได้ตามเดิม
จำเลยให้การว่า ภาวะจำยอมไม่มีเหนือที่ดินโฉนดที่ ๖๑๑๙ ของจำเลย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นตัดสินให้จำเลยเปิดทาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์จะชนะคดีได้ก็ต้องได้ความว่า โจทก์ใช้ทางนี้มาเกิน ๑๐ ปีโดยมิได้อาศัยอำนาจผู้ใด แต่ข้อนี้โจทก์จำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ และศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานเสียจึงเป็นการไม่ชอบ พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยรับแล้วว่าโจทก์ใช้ทางนี้มากว่า ๑๐ ปี แล้วโดยไม่ได้อาศัยอำนาจของใคร (อ้างรายงานพิจารณาลงวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๔๘๗ ข้อ ๓ และข้อ ๕)
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรายงานพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าวปรากฎข้อโต้เถียงกันว่า ฝ่ายโจทก์อ้างว่าใช้ทางมานานโดยไม่ได้อาศัยอำนาจใคร แต่จำเลยว่า โจทก์ใช้มาในฐานะเป็นญาติกันและทางเคยอยู่ในโฉนดผืนเดียวกันซึ่งโจทก์จำเลยปลูกบ้านอยู่ดังนี้ จะฟังว่าจำเลยรับว่าโจทก์ใช้ทางมานานโดยปรปักษ์ยังไม่ถนัด จึงพิพากษายืน

Share