แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ในวันตามฟ้องต่อเนื่องกันนั้น.เป็นคดีที่เกี่ยวพันกันตามความในมาตรา 14(2) แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ฉะนั้น เมื่อมีการฟ้องคดีในข้อหาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อศาลพลเรือนแล้ว ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในข้อหาฐานลักทรัพย์ที่ฟ้องรวมกันมาด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่คนได้ร่วมกันกระทำผิดอาญาหลายบทหลายกระทง คือ จำเลยที่ 1, 2 และ 3 โดยไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายร่วมกันมีปืน ขวานและแชลงเหล็กเป็นอาวุธบังอาจเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานในความครอบครองของโจทก์แล้วได้รื้อทำลายและเอาทรัพย์ของโจทก์ไปโดยเจตนาทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 358, 364 และ 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับรับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ให้ปรับจำเลยที่ 1 200 บาท ให้ยกฟ้องคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2, 3 และ 4 ข้อหาอื่นนอกจากข้อหาลักทรัพย์ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารโจทก์นำมาฟ้องไม่ได้ ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามที่โจทก์บรรยายฟ้องนั้น เป็นฟ้องที่มีข้อหาว่าจำเลยทำผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ในวันตามฟ้องแต่ละวันต่อเนื่องโดยกรรมเดียวกัน คดีในข้อหาเหล่านี้จึงเป็นคดีที่เกี่ยวพันกันตามความในมาตรา 14(2) แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 เมื่อมีการฟ้องคดีในข้อหาฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อศาลพลเรือนแล้ว ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในข้อหาฐานลักทรัพย์ที่ฟ้องรวมกันมาด้วยโดยจะต้องปฏิบัติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 16 ประกอบกับพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 14 จะนำประกาศของคณะปฏิวัติ ฯลฯ มาบังคับแต่อย่างเดียวหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลจังหวัดสิงห์บุรีไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในข้อหาฐานลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง ไม่ต้องด้วยความเห็นศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้ ให้ศาลจังหวัดสิงห์บุรีดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นั้นต่อไป