แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249,335(13) กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยให้การต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 251 จำเลยอุทธรณ์ว่าทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาชี้ขาดว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันตัวตามกฎหมาย แต่จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 55 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,335(13) และริบมีดของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า ผู้ตายใช้ขวานไล่ฟันจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตาย เพื่อป้องกันตัวมิได้มีเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 จำคุก 3 ปี ริบมีดของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ พิพากษาให้ลงโทษจำเลยเพียงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 55 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดฐานรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 9 เดือน ให้รอการลงอาญาไว้
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อว่า ข้อบันดาลโทสะจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการพิจารณาคดีตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์พิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำผิดเพียงใด หรือว่าจำเลยได้รับความยกเว้น หรือลดหย่อนอาญาลงอย่างใด ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาไปตามนั้นได้ แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้คดีเลยศาลก็พิพากษาให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยได้
พิพากษายืน