คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องข้อความที่โจทก์กล่าวหาจำเลยว่าเบิกความเท็จคือข้อความว่าโจทก์ออกเช็คชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งความจริงเป็นกรณีที่โจทก์มอบเช็คให้ภริยาโจทก์นำไปให้จำเลยยึดถือเป็นประกันการเล่นแชร์แต่ศาลล่างทั้งสองกลับวินิจฉัยโดยถือข้อความว่าจำเลยมอบเช็คให้ จ. ไปเรียกเก็บเงินแทนซึ่งความจริง จ.เป็นผู้ทรงเช็คแท้จริงจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นการวินิจฉัยดังกล่าวเป็นกรณีมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิพากษาคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา175,177
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177จำคุก3เดือนคำขออื่นของโจทก์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค1พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177เสียด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าโจทก์ได้สั่งจ่ายเช็คฉบับพิพาทตามเอกสารหมายจ.7ลงวันที่10เมษายน2533และเช็คฉบับดังกล่าวตกมาอยู่ที่จำเลยเมื่อเช็คฉบับดังกล่าวมีการนำไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินต่อมาเมื่อวันที่20มิถุนายน2533จำเลยจึงเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ในข้อหาฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497มาตรา3และจำเลยได้เบิกความเป็นพยานในการไต่สวนมูลฟ้องคดีดังกล่าวซึ่งต่อมาศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ในข้อหาว่าฟ้องเท็จและเบิกความเท็จสำหรับในข้อหาฐานฟ้องเท็จคดีได้ยุติไปแล้วยังคงมีปัญหาจะต้องพิจารณาเฉพาะข้อหาฐานเบิกความเท็จซึ่งในข้อหานี้โจทก์บรรยายฟ้องในคำฟ้องข้อ2ของโจทก์ว่า”ข้อ2ต่อมาเมื่อวันที่25กรกฎาคม2533เวลากลางวันจำเลยนี้ซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีอาญาดังกล่าวในข้อ1ได้บังอาจสาบานตนเบิกความต่อศาลจังหวัดเลยด้วยความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาดังกล่าวว่า”เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม2533ข้าฯได้รับเช็คธนาคาร กรุงไทย จำกัดสาขาเลยลงวันที่10เมษายน2533จำนวนเงิน110,000บาทจากจำเลยชำระหนี้ค่ากู้ยืมเช็คดังกล่าวมีจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือฯลฯเหตุเกิดที่ธนาคาร กรุงไทย จำกัดสาขาเลยตำบล กุดปองอำเภอเมืองจังหวัดเลย”ดังปรากฎรายละเอียดตามสำเนาภาพถ่ายคำให้การพยานโจทก์(ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง)เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข2ซึ่งเป็นความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอาญาดังกล่าวข้างต้นซึ่งความจริงเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม2532นาง คำปุ่นดานุรักษ์ภริยาของโจทก์ได้นำเช็คธนาคาร กรุงไทย จำกัดสาขาเลยลงวันที่10เมษายน2533จำนวนเงิน110,000บาทหมายเลข3064763ซึ่งจำเลยได้ขอให้โจทก์ออกให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการเล่นแชร์ที่จำเลยเป็นนายวงแชร์นาง คำปุนดารุรักษ์ ภริยาของโจทก์เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์และแชร์วงดังกล่าวเริ่มเล่นเมื่อวันที่10เมษายน2532ต่อมาจำเลยได้ล้มวงแชร์ดังกล่าวเสียแล้วจำเลยได้โอนเช็คฉบับดังกล่าวชำระหนี้แก่นาง จันทร์โสภามะละคำฉะนั้นคำให้การของจำเลยจึงเป็นความเท็จ”ฉะนั้นตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จคือข้อความที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์ออกเช็คชำระหนี้กู้ยืมโดยความจริงเป็นการที่โจทก์มอบเช็คให้ภริยาโจทก์นำไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันการเล่นแชร์แต่ศาลชั้นต้นกลับพิจารณาพิพากษาคดีโดยถือว่าข้อความที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จคือข้อความที่จำเลยเบิกความว่าจำเลยมอบเช็คให้นาง จันทร์โสภาไปเรียกเก็บเงินแทนแต่ความจริงนาง จันทร์โสภาเป็นผู้ทรงเช็คซึ่งเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นจำเลยก็ได้อุทธรณ์ตามประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและศาลอุทธรณ์ภาค3ก็ได้วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์จึงเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นเช่นเดียวกันและโจทก์ก็ได้ฎีกาว่าจำเลยเบิกความว่าจำเลยเป็นผู้ทรงเช็คในขณะที่ความเป็นจริงจำเลยได้โอนเช็คให้แก่นาง จันทร์โสภาแล้วอีกศาลฎีกาเห็นว่าในส่วนที่เกี่ยวกับข้อหาฐานเบิกความเท็จนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิพากษาคดีจึงเห็นสมควรให้มีการพิพากษาใหม่เพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นศาล
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดดังกล่าวนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1

Share