คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยและออกคำบังคับส่งให้โจทก์ทราบ ในการส่งคำบังคับจำเลยได้นำเจ้าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้โจทก์ที่บ้านเลขที่773/12 อันเป็นที่อยู่ที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องของโจทก์และโจทก์ได้ใช้ที่อยู่ดังกล่าวตลอดมา โดยมี พ. อายุเกิน 20 ปี อยู่ที่บ้านดังกล่าวเต็มใจรับคำบังคับไว้แทนและไม่ปรากฏว่า พ. รับคำบังคับไว้แทนโจทก์โดยหลงผิดดังนี้นับว่าได้มีการส่งคำบังคับแก่โจทก์โดยชอบแล้วแม้โจทก์จะได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 นานแล้วแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์เคยอยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 อันเป็นที่อยู่ของโจทก์ตามฟ้องก่อนโจทก์ฟ้องคดี และเมื่อฟ้องคดีและตลอดมาในชั้นพิจารณา โจทก์ก็ใช้ที่อยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 ไม่เคยแถลงต่อศาลว่าได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 แต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้บ้านเลขที่ 773/12 เป็นที่อยู่ของโจทก์อีกแห่งหนึ่งด้วย การส่งคำบังคับให้โจทก์จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

เดิมศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ทั้งสองใช้เงินและดอกเบี้ยแก่จำเลยพร้อมทั้งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยด้วย ต่อมาจำเลยแถลงขอให้ศาลออกคำบังคับส่งให้โจทก์ทราบศาลได้ออกคำบังคับให้โจทก์ทั้งสองปฎิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยได้นำเจ้าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้โจทก์ทั้งสองที่บ้านเลขที่ 773/12 อันเป็นที่อยู่ที่โจทก์ทั้งสองระบุไว้ในคำฟ้องของโจทก์ โดยมีนายพิทยาอายุประมาณ 29 ปีอยู่ที่บ้านดังกล่าวเต็มใจรับคำบังคับไว้แทนครั้นครบกำหนดตามคำบังคับแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่ปฎิบัติตามคำบังคับ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ 2ตามคำขอของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้แก่จำเลย

โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ได้นำส่งคำบังคับให้โจทก์ที่บ้านเลขที่733/7 อันเป็นภูมิลำเนาของโจทก์ทั้งสองซึ่งได้ย้ายมาอยู่นานแล้ว และจำเลยก็ทราบดีแล้ว โจทก์จึงยังไม่ทราบคำบังคับ การยึดทรัพย์จึงไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ หากเพิกถอนไม่ได้ก็ขอให้จำเลยเป็นผู้ชำระเงินค่าธรรมเนียมถอนการยึดเองทั้งสิ้น

ศาลแพ่งงดสืบพยานคู่ความแล้วสั่งว่า การส่งคำบังคับให้โจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้องของโจทก์

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ปัญหามีว่า การส่งคำบังคับให้โจทก์ชอบหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้ว่า ตอนโจทก์ฟ้องจำเลย โจทก์ใช้ที่อยู่ของโจทก์ทั้งสองว่าอยู่บ้านเลขที่ 773/12 และโจทก์ทั้งสองได้ใช้ที่อยู่ดังกล่าวตลอดมา เมื่อพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้แก่โจทก์ทั้งสองณ ที่อยู่ดังกล่าว แต่ไม่พบโจทก์ทั้งสองจึงได้ส่งคำบังคับนั้นให้นายพิทยาซึ่งเต็มใจรับคำบังคับไว้แทนโจทก์ทั้งสองเพราะอยู่ในบ้านเดียวกันกับโจทก์ทั้งสองแสดงว่าโจทก์ทั้งสองอยู่ที่บ้านดังกล่าว และนายพิทยาก็อยู่ร่วมด้วยจึงยอมรับคำบังคับไว้แทนโจทก์ทั้งสองหากนายพิทยาได้รับคำบังคับไว้แทนโจทก์ทั้งสองโดยหลงผิด ก็ไม่ปรากฏว่านายพิทยาได้นำคำบังคับที่ได้รับไว้มาคืนศาลและโจทก์ทั้งสองก็ไม่ได้คัดค้านความข้อนี้ด้วยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าได้มีการส่งคำบังคับให้แก่โจทก์ทั้งสองชอบแล้ว

ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ที่ 2 ได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 ก็อยู่ในตำบลและถนนเดียวกันกับบ้านเลขที่ 773/12 นั้นเอง และทั้งได้ความตามคำแถลงของโจทก์และทะเบียนบ้านที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ที่ 2 ได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่773/12 อันเป็นที่อยู่ของโจทก์ทั้งสองตามฟ้องก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ และตลอดมาในชั้นพิจารณาทั้งสามศาล โจทก์ก็ใช้ที่อยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 ไม่เคยแถลงต่อศาลว่าได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 แต่อย่างใด พฤติการณ์ที่ได้ความดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้ใช้บ้านเลขที่ 773/12 เป็นที่อยู่ของโจทก์ทั้งสองอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าได้ส่งคำบังคับให้โจทก์ทั้งสองโดยชอบแล้วจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำสั่งใหม่ตามข้อฎีกาของโจทก์ต่อไป

พิพากษายืน

Share