คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมมือกับพวกกระทำความผิด เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกกระทำความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยมิได้ลงมือกระทำการปล้น จำเลยพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบ ซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยเป็นตัวการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.83 แล้ว ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับฟ้อง และการกระทำดังกล่าวของจำเลยมิใช่มีผิดเพียงฐานสมรู้ เพราะจำเลยมิใช่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเท่านั้น แต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นมาแต่ต้นโดยตลอด
ถึงแม้ในการปล้น จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้น จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานคุมตัวไว้ก่อนแล้ว เช่นนี้ จำเลยยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คงมีความผิดฐานปล้นเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ถูกตำรวจยิงตายไปแล้ว ๒ คน กับพวกที่หลบหนีอีก ๑ คน สมคบกันปล้นเอาเงิน ๑๐๐ บาทของนายสง่า นิลวรางกูลไป และจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงพลตำรวจพรศ เจ้าพนักงานผู้เข้าทำการจับกุมตามหน้าที่เป็นบาดแผลสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๘๐ , ๘๓, ๒๘๙, ๒๙๗, ๒๙๘, ๓๔๐
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบแล้วฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานเป็นตัวการปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๘๐, ๘๓, ๒๘๙, ๒๙๗, ๒๙๘, ๓๔๐ ให้ลงโทษตาม ม.๓๔๐ วรรค ๔ ซึ่งเป็นบทหนักตาม ม.๙๐ ลดเพราะรับสารภาพกึ่งหนึ่ง ตาม ม.๗๔ แล้วให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว การที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าจำเลยเพียงแต่นั่งเฝ้ารถมิได้ลงมือกระทำการปล้นดังโจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมมือกับพวกกระทำความผิด เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ร่วมกันกับพวกมากระทำความผิดตามฟ้อง แม้จำเลยได้ลงมือกระทำการปล้นเพียงรับหน้าที่คอยแจ้งสัญญานอันตรายให้พวกทราบ ซึ่งการกระทำส่วนหนึ่ง เพื่อให้การปล้นบรรลุผลสำเร็จก็เรียกได้ว่าจำเลยได้เป็นตัวการกระทำความผิดตามฟ้อง ความประมวลกฎหมายอาญา ม. ๘๓ แล้ว ฎีกาจำเลยก็อ้างว่า จำเลยควรมีความผิดเพียงฐานสมรู้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะการกระทำของจำเลยมิใช่เพียงให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำผิดเท่านั้น แต่ได้ร่วมกับพวกวางแผนกกระทำการปล้นและร่วมในการปล้นทรัพย์รายนี้มาแต่ต้นโดยตลอด
ส่วนข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าออกจะไกลเกินไป เพราะถึงแม้ในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยได้ร่วมรู้ถึงการที่พวกของจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนมาด้วยก็ดี แต่การเตรียมอาวุธปืนมาอาจเพียงเพื่อสำหรับใช้ในการปล้นทรัพย์ จำเลยอาจไม่ทราบถึงเจตนาของพวกตนที่ถึงกับจะใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานด้วยก็ได้ ทั้งขณะที่คนร้ายยิงเจ้าพนักงาน จำเลยก็ได้ถูกเจ้าพนักงานควบคุมตัวไว้ก่อนแล้ว จำเลยยังไม่ควรมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์เพียงว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๔๐ วรรค ๔ ประกอบด้วย ม.๘๓ เพียงบทเดียว

Share