คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5640/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภริยาจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน มิใช่เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่า การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของภริยาจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีดปลายแหลมที่จำเลยใช้ทั้งด้ามยาวถึง 1 ฟุต อาจใช้แทงประทุษร้ายถึงตายได้ จำเลยเลือกแทงตรงอวัยวะสำคัญและแทงโดยแรง ผู้เสียหายได้รับบาดแผลยาว 2 เซนติเมตรกว้าง 1 เซนติเมตร ลึกทะลุเยื่อบุ ช่องท้องอาจทำให้ถึงตายได้จำเลยจะแทงซ้ำอีก แต่มีผู้วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเสียก่อนจำเลยจึงวิ่งหนีไป เช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต เป็นอาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 1 ที โดยเจตนาฆ่า คมมีดถูกด้านหลังของผู้เสียหาย จำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผลเนื่องจากแพทย์รักษาผู้เสียหายได้ทัน ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ให้จำคุก 10 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 6 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าเมื่อผู้เสียหายกับนางนวลภริยาจำเลยทะเลาะตบตีกันล้มลงผู้เสียหายขึ้นนั่งคร่อมนางนวล จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุตแทงที่ลำตัวผู้เสียหายด้านหลังแถบซ้าย 1 ที จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตามกฎหมายและจำเลยเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้นไม่มีเจตนาฆ่า เห็นว่านางนวลภริยาจำเลยกับผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาททำ้ายร่างกายซึ่งกันและกันมิใช่เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่อาจอ้างได้ว่าการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของนางนวลภริยาจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ส่วนปัญหาว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่นั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันมีดปลายแหลมที่จำเลยใช้ยาวทั้งด้ามถึง 1 ฟุต อาจใช้แทงประทุษร้ายถึงตายได้ จำเลยเลือกแทงตรงอวัยวะสำคัญและแทงโดยแรงผู้เสียหายได้รับบาดแผลยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตรลึกทะลุเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลผู้เสียหายเบิกความว่าบาดแผลดังกล่าวอาจทำให้ถึงตายได้ นอกจากนั้นนายสุรชัยและนายอำนวยก็ยังเบิกความด้วยว่าจำเลยจะแทงซ้ำอีก แต่พยานวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุเสียก่อน จำเลยจึงวิ่งหนีไป เช่นนี้ คดีฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
พิพากษายืน.

Share