แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องกล่าวว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาปรับ 22 บาท ฐานวิวาททำร้ายร่างกาย จำเลยพ้นโทษไม่เกิน 5 ปี มากระทำผิดในคดีนี้ไม่เข็ดหลาบ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็เพิ่มโทษตาม ม.72 ไม่ได้ เพราะอาจเป็นคดีลหุโทษก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักเล่นโป และว่าก่อนคดีนี้นายส่าย จำเลยต้องคำพิพากษาของศาลให้ลงโทษปรับเป็นเงิน ๒๒ บาท ฐานวิวาททำร้ายร่างกาย ขอให้ลงโทษจำเลยและเพิ่มโทษนายส่าย จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษและเพิ่มโทษนายส่ายจำเลยเพราะไม่ปรากฎว่าจำเลยนี้เคยต้องโทษตามกฎหมายมาตราไหน อาจต้องโทษในความผิดฐานลหุโทษมาก็ได้ นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกาอ้างว่าฟ้องไม่ได้กล่าวว่าวิวาทในท้องถนนหลวงหรือในสาธารณสถาน อันเป็นความผิดลหุโทษตาม ป.ม.กฎหมายลักษณะอาญา ม.๓๓๕ (๖) และไม่ได้กล่าวว่าทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บอันเป็นความผิดฐานลหุโทษ จึงต้องตึความว่า จำเลยเคยต้องโทษฐายวิวาททำร้ายร่างกายอันเป็นความผิดที่ไม่ใช่ลหุโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานวิวาทที่เป็นความผิดไม่ใช่ลหุโทษนั้นไม่มี ส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าถึงบาดเจ็บ ก็ไม่เป็นลหุโทษ แต่ถ้าไม่ถึงบาดเจ็บก็เป็นลหุโทษตาม ม.๓๓๘ (๓) แห่ง ป.ม.กฎหมายลักษณะอาญา เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ปรากฎว่าการทำร้ายนั้นถึงบาดเจ็บหรือไม่ จึงไม่พอตีความว่า โจทก์หมายถึงความผิดฐานทำร้ายร่างกายที่ไม่ใช่ลหุโทษ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์