คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5637/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขณะเป็นหญิงมีครรภ์ได้ไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลจำเลยที่ 1 เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อหัดเยอรมัน จำเลยที่ 2แพทย์ผู้ตรวจจึงได้ฉีดวัคซีน เอ็ม.เอ็ม.อาร์. ให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทราบว่าวัคซีนดังกล่าวห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ โจทก์ไปขอคำปรึกษาจากแพทย์อีก แพทย์แจ้งว่าวัคซีนที่ฉีดให้โจทก์ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่โจทก์ยืนยันจะทำแท้ง แพทย์เห็นว่าโจทก์มีสุขภาพจิตแย่มากจึงยอมทำแท้งให้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทำแท้งเพราะกลัวไปเองว่าทารกในครรภ์จะคลอดออกมาพิการมิใช่เพราะวัคซีน เอ็ม.เอ็ม.อาร์. ที่จำเลยที่ 2 ฉีด ให้โจทก์ทำให้ทารกในครรภ์ของโจทก์พิการ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นโรงพยาบาลเอกชน จำเลยที่ 2เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 โดยเป็นแพทย์ โจทก์ได้ไปขอคำแนะนำในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อหัดเยอรมันจากจำเลยที่ 2 แพทย์ผู้ตรวจแต่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยที่ 2 ซึ่งทราบอยู่แล้วว่าโจทก์เป็นหญิงมีครรภ์ ได้ฉีดวัคซีน เอ็ม.เอ็ม.อาร์.ให้โจทก์ วัคซีนเอ็ม.เอ็ม.อาร์. มีข้อห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ เพราะมีผลทำให้ทารกในครรภ์พิการ ทำให้ต่อมาโจทก์ต้องไปทำแท้ง เพราะแพทย์ลงความเห็นไปว่าทายกในครรภ์คลอดออกมาแล้วจะต้องพิการ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน1,000,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า วัคซีนเอ็ม.เอ็ม.อาร์.ไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ การทำแท้งเนื่องมาจากโจทก์ประสงค์จะทำแท้งเองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 303,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน้อยแต่พยานหลักฐานจำเลยทั้งสองเป็นแพทย์สำเร็จการศึกษาด้านสูตินรีเวชศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อเชื้อไวรัสและผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชวิทยา มีประสบการณ์และช่ำชองเกี่ยวกับเชื้อไวรัสหัดเยอรมันมานาน คำเบิกความของพยานจำเลยดังกล่าวจึงมีน้ำหนักเชื่อถือได้ที่โจทก์เบิกความกล่าวอ้างว่านายแพทย์สูบอกโจทก์ว่าบุตรในครรภ์จะพิการ และนายแพทย์สรสิทธิ์แนะนำว่าต้องทำแท้งก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ โดยนายแพทย์สูและนายแพทย์สรสิทธิ์ต่างปฏิเสธว่ามิได้บอกและแนะนำโจทก์ดังกล่าว ทั้งยังเบิกความว่าวัคซีนที่ฉีดให้แก่โจทก์ไม่เป็นอันตรายต่อทายกในครรภ์ แต่โจทก์อยากให้ทำแท้ง และนายแพทย์สูทำแท้งให้เพราะเห็นว่าสุขภาพจิตของโจทก์แย่มาก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์ทำแท้งเพราะกลัวไปเองว่าทารกในครรภ์จะคลอดออกมาพิการ มิใช่เพราะวัคซีน M.M.R. ที่จำเลยที่ 2 ฉีดให้โจทก์ทำให้ทารกในครรภ์ของโจทก์พิการ จำเลยที่ 2จึงไม่ได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์แท้งลูกและได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 จึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาอีก ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share