คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2532

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

มูลคดีตามฟ้องเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องบังคับกันตามกฎหมายแห่งประเทศไทย ไม่อาจนำ พระราชบัญญัติ เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา มาใช้บังคับเพื่อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง บัญญัติว่ารับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลใช้บังคับและไม่ปรากฏว่ามีประเพณีการขนส่งทางทะเลที่ถือปฏิบัติอยู่ จึงต้องนำบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะรับขน ในหมวดรับขนของ อันเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดี
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้ออกใบตราส่งกำหนดเงื่อนไขไว้ด้านหลังว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดสำหรับความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าเกินไปกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4(5)แห่ง พระราชบัญญัติ รับขนของทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เท่ากับเป็นการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 แม้จะมีตราประทับชื่อของบริษัทผู้ส่งและมีการลงลายมือชื่อไว้ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ลงลายมือชื่อเป็นใคร มีอำนาจกระทำแทนบริษัทผู้ส่งอย่างไรหรือไม่ อีกทั้งไม่มีข้อความระบุว่าลงลายมือชื่อเพื่อจุดหมายใด อาจเป็นการลงลายมือชื่อรับคู่ฉบับหรือสำเนาเอกสารก็ได้ เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวไม่มีผลใช้ยันผู้ส่งได้ และไม่อาจใช้ยันบริษัทผู้รับตราส่งซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งมาอีกทอดหนึ่ง.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทแองโกล-ไทย เอ็นยิเนียริ่ง จำกัด ได้สั่งซื้อสินค้าตะไบเหล็กจำนวน 206 กล่อง จากบริษัทคูเปอร์ทูลกรุ๊ป จำกัดประเทศแคนาดา และเอาประกันภัยสินค้าดังกล่าวไว้กับโจทก์บริษัทคูเปอร์ทูลกรุ๊ป จำกัด ได้ว่าจ้างสายเดินเรือเมอสก์แห่งประเทศแคนาดาของจำเลยให้เป็นผู้ขนส่งสินค้าดังกล่าว บริษัทเมอสก์ไลน์เอเจนซี่ จำกัด ได้ออกใบตราส่งระบุว่ามีสินค้าตะไบเหล็กจำนวน 206 กล่อง เมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือกรุงเทพแล้วได้มีการเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสอบ ปรากฏว่าสินค้าขาดจำนวนไปจากที่ระบุไว้ในใบตราส่ง 8 กล่อง คิดเป็นเงิน 389,011 บาทโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยให้แก่บริษัทแองโกล-ไทย เอ็นยิเนียริ่ง จำกัด ไปแล้ว โจทก์จึงเข้ารับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวจากจำเลย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 389,011 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สินค้ามิได้สูญหายไป สายเดินเรือเมอสก์ได้ออกใบตราส่งว่าสินค้าพิพาทมีจำนวนกี่กล่อง มีน้ำหนักเท่าใดก็โดยรับแจ้งจากเจ้าของสินค้าผู้ส่ง ไม่มีโอกาสได้ตรวจดูสินค้าว่าตรงกับที่รับแจ้งไว้หรือไม่ และตามหลักฐานใบตราส่งเจ้าของสินค้าได้ยอมรับรู้ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งไว้โดยชัดแจ้ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ การขนส่งรายนี้คู่สัญญาเป็นคนต่างสัญชาติกัน โดยผู้ส่งมีสัญชาติแคนาดา และจำเลยมีสัญชาติเดนมาร์ก ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาตรา 13 ระบุให้นำกฎหมายแห่งถิ่นที่ทำสัญญามาใช้บังคับแก่สาระสำคัญและผลของสัญญา จึงต้องนำกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางทะเลค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้บังคับ ซึ่งระบุถึงความรับผิดของผู้ขนส่งในกรณีของสูญหายหรือเสียหายว่าผู้ขนส่งมีความรับผิดไม่เกิน 500 เหรียญสหรัฐต่อ 1 หีบห่อของสินค้า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องจากจำเลยเกินกว่า 500 เหรียญสหรัฐ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ขนส่งเป็นผู้บรรจุสินค้าในตู้เอง เมื่อสินค้าเกิดสูญหายขาดจำนวนไปจากที่ระบุไว้ในใบตราส่ง ความเสียหายดังกล่าวจึงมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของผู้ส่ง จำเลยผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดชอบในความสูญหายของสินค้านั้น แต่เนื่องจากในใบตราส่งมีข้อจำกัดความรับผิดไว้ และผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิด ข้อจำกัดความรับผิดจึงมีผลผูกพันผู้รับตราส่งด้วย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายเกินกว่า 500 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 10,315 บาท พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 10,315 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เฉพาะค่าขึ้นศาลเท่าจำนวนที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 1,200 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้บรรจุสินค้าลงในตู้คอนเทนเนอร์เอง เมื่อสินค้าเกิดสูญหายขาดจำนวนไปจากที่ระบุไว้ในใบตราส่ง ความเสียหายดังกล่าวจึงมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของผู้ส่ง จำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดสินค้าสูญหายไป 8 กล่อง จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายกล่องละ 500เหรียญสหรัฐ พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4,000 เหรียญสหรัฐ โดยคิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษานี้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 2,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ชดใช้เท่าจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า บริษัทคูเปอร์ทูลกรุ๊ป จำกัด ผู้ส่งได้ส่งมอบสินค้าตะไบเหล็กจำนวน 206 กล่อง ให้แก่บริษัทเมอสก์ไลน์เอเจนซี่ จำกัด โดยผู้ขนส่งบรรจุสินค้าลงในตู้คอนเทนเนอร์เอง การที่สินค้าตะไบเหล็กสูญหายไป 8 กล่องมิใช่ความผิดของบริษัทคูเปอร์ทูลกรุ๊ป จำกัด ผู้ส่ง จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว แล้ววินิจฉัยว่า ‘…ปัญหาวินิจฉัยข้อสุดท้ายตามฎีกาของโจทก์และจำเลยมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใด เห็นว่า มูลคดีตามฟ้องรายนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยต้องบังคับกันตามกฎหมายแห่งประเทศไทย หามีปัญหาว่าจะพึงใช้กฎหมายแห่งประเทศอื่นใดมาบังคับไม่ จึงไม่อาจนำพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้บังคับเพื่อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งดังฎีกาของจำเลย ในกรณีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง บัญญัติว่า รับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้นแต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการรับขนทางทะเลใช้บังคับและไม่ปรากฏว่ามีประเพณีการขนส่งทางทะเลที่ถือปฏิบัติกันอยู่ จึงต้องนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะรับขน ในหมวดรับขนของอันเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 บัญญัติว่า ‘ใบรับใบตราส่งหรือเอกสารอื่นๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น’ นายโรแนล เจ.คริสตอล พยานจำเลยเบิกความว่าใบตราส่งตามเอกสารหมาย จ. 1 ที่ด้านหลังไม่มีลายมือชื่อของผู้ส่งสินค้า ดังนั้นการที่จำเลยได้ออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ. 1 หรือ ล. 9 กำหนดเงื่อนไขไว้ด้านหลังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดสำหรับความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าเกินไปกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 (5) แห่งพระราชบัญญัติรับขนของทางทะเล ค.ศ. 1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็คือการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 นั่นเองเมื่อข้อความที่กล่าวนี้ระบุไว้ด้านหลังของใบตราส่งเอกสารหมาย ล. 9 ซึ่งมีตราประทับว่า THE COOPER TOOL GROUP LIMITED PERและลายมือชื่อโดยไม่ปรากฏว่าผู้ลงลายมือชื่อเป็นใคร มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทคูเปอร์ทูลกรุ๊ป จำกัด อย่างไรหรือไม่อีกทั้งไม่มีข้อความระบุว่าลงลายมือชื่อเพื่อจุดมุ่งหมายใด อาจเป็นการลงลายมือชื่อรับคู่ฉบับหรือสำเนาของเอกสารหมาย ล. 9 ก็ได้ ดังจะเห็นได้ว่าฝ่ายโจทก์ก็มีเอกสารหมายจ. 1 ซึ่งมีข้อความตรงกับเอกสารหมาย ล. 9 แต่หาได้มีลายมือชื่อของผู้ส่งสินค้าไว้ด้านหลังด้วยไม่ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง ข้อความจำกัดความรับผิดดังกล่าวไม่มีผลใช้ยันผู้ส่งได้และไม่อาจใช้ยันบริษัทแองโกล-ไทย เอ็นยิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งได้รับสิทธิมาจากผู้ส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนโจทก์ผู้รับประกันภัยซึ่งรับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งมาอีกทอดหนึ่ง โจทก์จึงหาผูกพันให้ต้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้เพียง 500 เหรียญสหรัฐไม่ เมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 389,011 บาทให้แก่บริษัทแองโกล-ไทยเอ็นยิเนียริ่ง จำกัด เพื่อความสูญหายของสินค้าตะไบเหล็กจำนวน 8 กล่องไปแล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิดังกล่าวในอันที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลยผู้ขนส่งได้เต็มจำนวน จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 389,011 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 389,011บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมสามศาลแทนโจทก์โดยกำหนดเป็นค่าทนายความรวม 25,000 บาท.

Share