แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินโจทก์เพียง 30,000 บาท และจำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้เงินโดยยังไม่ได้กรอกข้อความ แต่มีการกรอกข้อความและจำนวนเงินขึ้นภายหลัง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมหนังสือสัญญากู้เงินจึงเป็นเอกสารปลอม แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระเงินจำนวน 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอีกทั้งจำเลยฎีกาขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ 230,000 บาท เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2538 จำเลยกู้เงินโจทก์จำนวน 230,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแต่ไม่ได้กำหนดวันชำระเงินคืน นับแต่กู้เงินจำเลยไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนให้แก่โจทก์ โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 20,125 บาทขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 250,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 230,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เพียง 30,000 บาทโดยโจทก์สั่งจ่ายเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาตรัง จำนวน30,000 บาท ให้จำเลยไปเบิกเงินจากธนาคาร และโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้เงินซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์เพิ่งพิมพ์กรอกข้อความในภายหลัง สัญญากู้เงินจึงเป็นเอกสารปลอมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 230,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันกู้เงินจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 20,125 บาท ตามที่โจทก์ขอ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จริงคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า หนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 มีการกรอกข้อความในภายหลัง จึงเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงเชื่อว่าจำเลยกู้เงินโจทก์เพียง 30,000 บาท และจำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 โดยยังไม่ได้กรอกข้อความแต่มีการกรอกข้อความและจำนวนเงินขึ้นภายหลัง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม หนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นเอกสารปลอม แต่อย่างไรก็ตาม คดีนี้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระเงินจำนวน 30,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย อีกทั้งจำเลยฎีกาขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น