คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

มีเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ 5 รายรวมเป็นเงินสิบเอ็ด ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีที่ดินและทรัพย์สินราคาประมาณแปดล้านบาท แสดงว่า ทรัพย์สินของลูกหนี้มีไม่พอชำระหนี้รายอื่น นอกจากขายของผู้คัดค้าน การที่ลูกหนี้จำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านทำให้เป็นเจ้าหนี้มีประกัน มีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันที่จะได้รับชำระหนี้ก่อน เจ้าหนี้ไม่มีประกันรายอื่น ต้องถือว่าเป็นการกระทำโดยมุ่งหมาย ให้เจ้าหนี้รายผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอ ให้ศาลเพิกถอนการ จดทะเบียนจำนองที่ดินได้.

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการจำนองที่ดินซึ่งลูกหนี้จำนองแก่ผู้คัดค้าน เจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งเป็นการจดทะเบียนจำนองในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้ล้มละลาย ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้วทำให้เจ้าหนี้รายที่ 3 ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น เสียตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้คัดค้าน ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงิน 1,275,000 บาท เพื่อซื้อวัสดุสร้างฉางและที่ดิน หลังจากสร้างฉางขึ้นทำให้ที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียงพอ สหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่จึงให้ลูกหนี้นำที่ดินพร้อมฉางดังกล่าวมาจำนองแก่ผู้คัดค้านในวงเงิน 2,550,000 บาท เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2524 ที่จดทะเบียนสูงสองเท่าสัญญากู้ยืมเงินเพราะคิดเผื่อดอกเบี้ยและค่าปรับด้วย การจดทะเบียนดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามปกติทางการค้าของผู้คัดค้าน ลูกหนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เจ้าหนี้รายอื่นเสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองลำดับที่ 3ระหว่างสหกรณ์การเกษตรชาวไร่ยาสูบลานนาไทย จำกัด ลูกหนี้ (จำเลย)ผู้จดทะเบียนจำนองกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ (ผู้คัดค้าน) เจ้าหนี้ผู้รับจำนอง ให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลูกหนี้ (จำเลย) เป็นบุคคลล้มละลาย ลูกหนี้ได้จำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทะเบียนเล่ม 1 หน้า 194สารบบเล่ม 3 หน้า 192 หมู่ที่ 3 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ แก่ผู้คัดค้านให้เป็นเจ้าหนี้จำนองอันดับ 3 ต่อจากธนาคารกรุงไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรเชียงใหม่ จำกัดในวงเงิน 2,550,000 บาท โดยที่ลูกหนี้เป็นหนี้เงินกู้ยืมผู้คัดค้านจำนวน 1,275,000 บาท หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ ปรากฏว่ามีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ 5 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 11,000,000 บาท โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรเชียงใหม่ จำกัด และผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีประกัน ส่วนเจ้าหนี้อีก 2 ราย เป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกัน คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านว่า ลูกหนี้จำนองที่ดินดังกล่าวแก่ผู้คัดค้านโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้รายอื่นเสียเปรียบหรือไม่ ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีนายอุ่นเรือน พุทธมาจารย์ ประธานสหกรณ์ของลูกหนี้เป็นพยานร่วมเบิกความว่า หากไม่มีการจดทะเบียนจำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้าน ลูกหนี้ก็สามารถขายที่ดินและทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้นำเงินมาชำระหนี้เจ้าหนี้รายอื่นได้เพียงพอ เห็นว่า นายอุ่นเรือนเบิกความด้วยว่าที่ดินและทรัพย์สินดังกล่าวคิดเป็นเงินประมาณ 8,000,000 บาทเท่านั้นแสดงว่าทรัพย์สินของลูกหนี้มีไม่พอชำระหนี้รายอื่นนอกจากรายของผู้คัดค้านอยู่แล้ว กรณีที่ลูกหนี้จำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านให้เป็นเจ้าหนี้จำนองอันดับ 3 จึงทำให้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้ไม่มีประกันรายอื่น พฤติการณ์ดังวินิจฉัยฟังได้ว่าลูกหนี้จดทะเบียนจำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านนั้น โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้รายผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่นดังกล่าวที่ผู้คัดค้านฎีกาโต้แย้งว่าลูกหนี้จำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านนั้นเป็นไปตามระเบียบและข้อตกลงแห่งสัญญากู้ยืม และผู้คัดค้านมิได้มุ่งหวังให้เจ้าหนี้ของลูกหนี้รายอื่นเสียเปรียบก็ตาม ก็หาทำให้พฤติการณ์ของลูกหนี้ดังวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองรายนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share