คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลย ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสคือแท้งลูก แม้โจทก์จะอ้างบทผิด คืออ้างประมวลกฎหมายอาญา ม. 279 ศาลก็ลงโทษตาม ม. 297 ซึ่งเป็นบทมาตราที่ถูกต้องได้ทั้งนี้ อาศัย ป.วิ.อ. มาตรา 192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์จนโจทก์แท้งลูก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๒๗๙, ๓๐๓
จำเลยทั้งสามปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดเพียงฐานทำร้ายให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๒๙๕ เท่านั้น ปรับ ๑๐๐ บาท ให้ปล่อยจำเลยที่ ๒ – ๓ ไป เพราะไม่ได้ร่วมทำผิดด้วย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๑ ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสโดยแท้งลูก แม้โจทก์จะได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๒๗๘ ผิดมาตราก็ตาม ก็ลงโทษตามมาตรา ๒๙๗ ที่ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรค ๔ จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๑ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๒๙๗ (๕) ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๖ เดือน โดยไม่ลงโทษปรับ นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา จึงสั่งอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างศาลอุทธรณ์ และเห็นว่า แม้โจทก์อ้างบทผิดเป็นมาตรา ๒๗๙ ศาลก็ลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ตาม ป.วิ. อ. มาตรา ๑๙๒ ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเป็นหญิง ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษมาก่อน ประกอบกับสภาพแห่งความผิดแล้ว สมควรให้รอการลงโทษจำเลยที่ ๑ ไว้ จึงพิพากษาแก้ว่า โทษจำคุก ๖ เดือนนั้น ให้รอการลงโทษไว้ ๓ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๕๖

Share