แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้นั้นเมื่อเจ้าหนี้ยังไม่ให้คำเตือนการชำระหนี้แล้วยังไม่เรียกว่าลูกหนี้ผิดนัดถ้าเจ้าหนี้เติมกำหนดเวลาชำระหนี้ลงไปกฎหมายถือว่าเป็นการเสียหายแก่ลูกหนี้ เว้นแต่ลูกหนี้จะยินยอมปัญหากฎหมายศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นศาลฎีกาย้อนสำนวนให้ตัดสินใหม่
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันเติมกำหนดเวลาชำระหนี้ลงในหนังสือกู้ที่โจทก์ทำไว้ให้จำเลย ซึ่งเดิมไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้  ให้มีกำหนด ๒ เดือนหนึ่งฉบับ  อีกฉบับหนึ่งมีกำหนด ๑๕ วัน  แล้วนำหนังสือกู้นั้นไปฟ้องโจทก์ให้เป็นคนล้มละลายขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๖๓-๗๑-๑๕๕-๑๕๗-๒๒๒-๒๒๔  จำเลยต่อสู่ว่าได้เขียนเติมไปโดยความยินยอมของโจทก์
ศาลโปริสภาที่ ๒  แลศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้องโจทก์  โดยศาลโปริสภาฟังว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยเติมกำหนดเวลาชำระหนี้  แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อกฎหมายว่า  การเติมกำหนดเวลาชำระหนี้ไม่มีการเสียหายแก่โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาที่ไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้นั้น   แม้เจ้าหนี้จะมีสิทธิเรียกชำระหนี้ได้โดยพลันก็ดี  กฎหมายก็หาได้ถือถือว่าลูกหนี้ผิดนัดไม่เจ้าหนี้จะต้องให้คำเตือนก่อนตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๒๐๔  เพราะฉนั้นการที่จำเลยเติมกำหนดเวลาชำระหนี้ลงในสัญญากู้นั้น  เป็นการเสียหายแก่โจทก์คดีจึงควรฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยเติมกำหนดวันชำระหนี้ลงในสัญญากู้  โจทก์ยินยอมหรือไม่จึงย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วตัดสินใหม่

