คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5594/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถมาตามถนนรัชดาภิเษกขาเข้ามุ่งหน้าจะไปห้วยขวางด้วยความเร็วประมาณ70-80กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นการใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดอีกทั้งก่อนเกิดเหตุชนกันรถของจำเลยแล่นอยู่ในทางตรงและขณะผ่านสี่แยกที่เกิดเหตุช่องเดินรถของจำเลยได้รับสัญญาณไฟเขียวเมื่อปรากฏว่าชนกับรถของพ. ซึ่งแล่นมาตามถนนรัชดาภิเษกขาออกจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุทธิสารย่อมแสดงว่าพ. เป็นผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงเลี้ยวขวาตรงสี่แยกที่เกิดเหตุตัดหน้ารถจำเลยทำให้ภ. ซึ่งโดยสารมากับรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายดังนี้ผลที่เกิดขึ้นหาได้เป็นผลโดยตรงมาจากการที่จำเลยมิได้ชะลอความเร็วของรถลงแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม พระราชบัญญัติ จราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157 เป็นกรรมเดียว ผิด กฎหมาย หลายบท ให้ ลงโทษ บทหนัก ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 3 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2522)ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ข้อ 1(3) ได้กำหนดความเร็วสำหรับรถที่จำเลยขับในเขตกรุงเทพมหานครไม่เกินชั่วโมงละ 80 กิโลเมตร ซึ่งแสดงว่าขณะเกิดเหตุที่จำเลยขับรถด้วยความเร็วประมาณ 70-80 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เป็นการใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งก่อนเกิดเหตุชนกัน รถของจำเลยแล่นอยู่ในทางตรงและขณะผ่านสี่แยกที่เกิดเหตุช่องเดินรถของจำเลยได้รับสัญญาไฟเขียว เมื่อปรากฏว่าชนกับรถยนต์ของนายพูลสวัสดิ์ ซึ่งแล่นมาตามถนนรัชดาภิเษกขาออกจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสุทธิสาร ย่อมแสดงว่านายพูลสวัสดิ์เป็นผู้ฝ่าฝืนสัญญาไฟแดงเลี้ยวขวาตรงสี่แยกที่เกิดเหตุตัดหน้ารถยนต์ของจำเลยทำให้นายภคกรณ์ซึ่งโดยสารมากับรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายผลที่เกิดขึ้นหาได้เป็นผลโดยตรงมาจากการที่จำเลยมิได้ชะลอความเร็วของรถลงแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

Share