คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5577/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลรัษฎากรไม่ได้บังคับว่าสัญญาซื้อขายจะต้องปิดอากรแสตมป์ดังนั้น แม้สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทจะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง ห้ามจำเลยและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 11,400 บาทและอีกวันละ 420 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลรัษฎากรไม่ได้บังคับว่าสัญญาซื้อขายจะต้องปิดอากรแสตมป์ ดังนั้น สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างนางอุบลกับจำเลยแม้จะไม่ปิดอากรแสตมป์ ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้ขายและโอนการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่นางอุบลต่อมานางอุบลขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินที่ดินพิพาท ดังนั้นแม้ที่ดินพิพาทจะมี น.ส.3 ได้หรือไม่ และการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับนางอุบล ระหว่างนางอุบลกับจำเลยจะสมบูรณ์หรือไม่เพียงใดก็ตาม เมื่อโจทก์โอนการครอบครองที่ดินพิพาทให้นางอุบล และต่อมานางอุบลโอนการครอบครองให้จำเลย จำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหาใช่โจทก์ทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทไม่ ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share