คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญา ประกันตัว ผู้ต้องหาต่อ โจทก์ แม้สัญญาประกัน จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมจากข้อความเดิม ซึ่ง กล่าวหาว่าออกเช็ค โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค โดย พิมพ์ข้อความเพิ่มเติมว่า ออกเช็ค ในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงินได้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค นั้น และมีการแก้ไขจำนวนเงิน เดิม 150,000 บาท โดย ขีดฆ่าจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรออกแล้วพิมพ์ใหม่ว่า 86,600 บาท เนื่องจากตาม ระเบียบกำหนดให้ผู้ประกันรับผิดไม่เกินจำนวนเงินในเช็ค ที่ถูก กล่าวหา ดังนี้ ทั้งข้อความเดิม และข้อความที่เพิ่มเติมนั้นก็เป็นข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั่นเอง มิได้ เพิ่มเติมข้อหาความผิดอื่นแต่ อย่างใด และจำนวนเงินประกันที่แก้ จาก เดิม ก็เป็นผลดี แก่จำเลยด้วย ทั้งฟังได้ว่ามีการขีดฆ่าจำนวนเงินที่ ประกันและลงจำนวน เงินที่ประกันใหม่ต่อหน้าจำเลยแล้วก่อนที่ จำเลยจะลงชื่อในสัญญาประกันดังกล่าว สัญญาประกันจึงเป็นเอกสาร ที่ถูกต้อง สมบูรณ์มีผลใช้ บังคับได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีหน้าที่สอบสวน ควบคุมและให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของโจทก์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน2526 เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมนายวินัย ฐิตรัตนาภรณ์ ซึ่งต้องหาว่า กระทำผิดทางอาญาฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ส่งมอบให้โจทก์ จำเลยได้เข้าทำสัญญาประกันตัวนายวินัยต่อโจทก์โดยสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาตามที่โจทก์จะกำหนดวันนัดให้ทราบ ถ้าจำเลยไม่นำตัวนายวินัยมาส่งตามกำหนดนัด จำเลยยอมใช้เงินเป็นเงิน 86,600 บาท ให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราวแล้ว ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน 2526 โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยส่งตัวนายวินัยในวันที่ 22 มิถุนายน 2526 เวลา 12นาฬิกา จำเลยทราบแล้วไม่นำตัวนายวินัยส่งให้โจทก์ โจทก์ได้เรียกตัวจำเลยมาแจ้งให้ส่งตัวผู้ต้องหาอีกหลายครั้ง จำเลยทราบนัดแล้วไม่สามารถนำผู้ต้องหามาส่งให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์จึงสั่งปรับจำเลยเป็นเงิน 86,600 บาท ตามสัญญาประกัน จำเลยไม่ชำระค่าปรับขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 86,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยรู้จักนายวินัย ฐิตรัตนาภรณ์ และได้วางหลักทรัพย์คือโฉนดที่ดินเลขที่ 10461 ตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 90 ตารางวา ซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไว้ต่อร้อยตำรวจตรีสมพร แดงดี พนักงานสอบสวนเป็นหลักประกัน แต่ไม่ได้กำหนดว่าจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้เงินหากผิดสัญญาประกันตามคำร้องขอประกัน ฉบับลงวันที่ 10 เมษายน 2526โจทก์ได้ร่วมกับร้อยตำรวจตรีสมพรเติมข้อความอันเป็นเท็จลงในสัญญาประกันฉบับดังกล่าว ข้อ (1) ว่า “ออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชี อันจะพึงใช้เงินได้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น” และในสัญญาข้อ (2) ว่า “86,600 บาท…แปดหมื่นหกพันหกร้อยบาทถ้วน” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง ผู้เสียหายที่แท้จริงคือร้อยตำรวจตรีสมพร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้อง โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยส่งตัวผู้ต้องหาแน่นอน และนางดวงทิพย์ ธัญญะวนิช ผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ที่ได้แจ้งไว้ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดส่งตัวผู้ต้องหาอีก โจทก์ไม่ได้เสียหายจริงดังฟ้อง หากเสียหายก็ไม่เกิน500 บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 86,600 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาประการแรกว่าสัญญาประกันเอกสารหมาย จ.2 ไม่ได้กำหนดให้จำเลยรับผิดชอบชดใช้เงินในกรณีผิดสัญญาประกันและเป็นเอกสารปลอมเนื่องจากมีการขีดฆ่าจำนวนเงินที่ประกัน 150,000 บาทออกแล้วเพิ่มเติมใส่จำนวนเงิน 86,600 บาท ลงไปโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกัน และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า แม้สัญญาประกันเอกสารหมาย จ.2 จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมจากข้อความเดิมซึ่งกล่าวหาว่าออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โดยพิมพ์ข้อความเพิ่มเติมว่าออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น และมีการแก้ไขจำนวนเงินเดิม 150,000 บาท หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน โดยขีดฆ่าจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรออกแล้วพิมพ์ใหม่ว่า 86,600 บาทแปดหมื่นหกพันหกร้อยบาทถ้วน และร้อยตำรวจตรีสมพรกับจำเลยมิได้ลงชื่อกำกับข้อความที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไว้ ทั้งจำเลยเบิกความว่าร้อยตำรวจตรีสมพรให้จำเลยลงชื่อในสัญญาประกันที่ยังไม่มีข้อความว่าออกเช็คโดยขณะที่ออกไม่มีเงินในบัญชี และในข้อ 2ไม่มีข้อความ 86,600 บาท ก็ตาม แต่ก็ได้ความจากคำเบิกความของนายดาบตำรวจทองเหมาะ และร้อยตำรวจตรีสมพรพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่า นายดาบตำรวจทองเหมาะเป็นผู้พิมพ์สัญญาประกันว่าหากผิดสัญญาประกันยอมใช้เงิน 150,000 บาท ร้อยตำรวจตรีสมพรตรวจสอบสัญญาประกันแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะตามระเบียบกำหนดให้ผู้ประกันรับผิดไม่เกินจำนวนเงินในเช็คที่ถูกกล่าวหา จึงแก้ยอดเงินประกันลงเหลือ 86,600 บาท เท่าจำนวนเงินในเช็คที่ถูกกล่าวหาต่อหน้าจำเลย และจำเลยได้อ่านสัญญาประกันเรียบร้อยแล้วจึงลงชื่อไว้ เห็นว่า จำเลยประกอบอาชีพเป็นทนายความซึ่งโดยปกติจะต้องใช้ความระมัดระวังอยู่แล้วในการทำสัญญาต่าง ๆ ที่มีผลผูกพันจำเลย ทั้งจำเลยได้ลงชื่อในสัญญาประกันดังกล่าวทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่กำหนดวันเวลาให้จำเลยส่งตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนด้วย จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะลงชื่อในสัญญาประกันเอกสารหมาย จ.2 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังโดยไม่มีข้อความต่าง ๆ อยู่แล้วหรือโดยไม่ได้อ่านข้อความในสัญญาประกันดังกล่าวทั้งข้อความเดิมและข้อความที่เพิ่มเติมนั้นก็เป็นข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั่นเอง มิได้เพิ่มเติมข้อหาความผิดอื่นแต่อย่างใด และจำนวนเงินประกันที่แก้จากเดิมจำนวน 150,000 บาท ลงเหลือจำนวน 86,600 บาทก็เป็นผลดีแก่จำเลยด้วย จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วจึงเชื่อว่าได้มีการขีดฆ่าจำนวนเงินที่ประกันและลงจำนวนเงินที่ประกันใหม่ต่อหน้าจำเลยแล้วก่อนที่จำเลยจะลงชื่อในสัญญาประกันดังกล่าว ดังนั้น สัญญาประกันเอกสารหมาย จ.2 จึงเป็นเอกสารที่ถูกต้องสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้
พิพากษายืน.

Share