แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นทายาทของ ท. ฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกจากจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก จำเลยให้การต่อสู้ว่าท. ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยก่อนตาย โจทก์ฟ้องคดีมรดกหลังจากทราบการตายของ ท. เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ท. ยกที่ดินพิพาทให้จำเลย ปัญหาเรื่องอายุความไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ท. จำเลยไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ ถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ท.พิพากษากลับให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสาม ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นทายาทของนางทองอยู่ จีนนางรอง จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางทองอยู่และครอบครองมรดกแทนทายาท ขอให้พิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 48554เป็นมรดกของนางทองอยู่อันตกได้แก่โจทก์ทั้งสามคนละ 78 ตารางวาให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสามจำนวน2 งาน 34 ตารางวา และใส่ชื่อโจทก์ทั้งสามลงในโฉนดที่ดินให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสามขาดประโยชน์ให้เช่าที่ดินดังกล่าวเป็นเงินเดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2532ถึงเดือนธันวาคม 2532 เป็นเงิน 1,000 บาท และในเดือนมกราคม 2533เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดิน
จำเลยให้การว่า จำเลยมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คนปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่เพียง 2 คน คือจำเลยกับนายบุตร จีนนางรองก่อนนางทองอยู่ซึ่งเป็นพี่สาวจำเลยจะถึงแก่กรรมนั้น นางทองอยู่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย จำเลยจึงไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทอื่น นางทองอยู่ถึงแก่กรรมเกินกว่า 10 ปีแล้ว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ 1 ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่48554 ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่โจทก์ที่ 1จำนวน 1 ส่วน ให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 3 ส่วน และให้แก่โจทก์ที่ 3จำนวน 6 ส่วน ในจำนวนทั้งหมด 30 ส่วน หากไม่สามารถแบ่งกันได้ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างกันเองถ้าไม่ตกลงให้นำออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องคดีมรดกหลังจากทราบการตายของนางทองอยู่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นางทองอยู่ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยปัญหาเรื่องอายุความไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางทองอยู่ จำเลยไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางทองอยู่ ต้องแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งสามและทายาทอื่นของนางทองอยู่ตามส่วน พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสาม ฉะนั้นปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคหนึ่ง และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลย