แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ถือว่าข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในฟ้องไม่เข้าลักษณความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายเมื่อคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกแล้ว แม้ในฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยยักยอกทรัพย์และขอให้ลงโทษฐานยักยอกมาก็ตาม ศาลก็ไม่ประทับรับฟ้องศาลชั้นต้นไม่รับประทับฟ้องศาลอุทธรณ์กลับให้ศาลชั้นต้นรับประทับฟ้องและพิจารณาต่อไปดังนี้จำเลยฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา 170
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าภริยาจำเลยเป็นลูกจ้างตัดยางพารารับเบอร์ในสวนยางของ ศ.จำเลยในฐานะลูกจ้างได้รับมอบหมายจาก ศ.ให้ไปทำการตัดยางแทนภริยาตน คือ เมื่อตัดยางได้แล้วให้นำไปมอบให้ ศ.แล้วจำเลยบังอาจลักหรือยักยอกเอาน้ำยางและขี้ยาง ๔ กิโลกรัมไปขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๒๙๔(๕) และ ๓๑๙(๑)
ศาลชั้นต้นสั่งว่าตามข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในฟ้องไม่เข้าลักษณความผิดฐานยักยอกทรัพย์จึงไม่รับประทับฟ้อง ในความผิดฐานยักยอกไว้พิจารณา
ศาลอุทธรร์พิพากษากลับโดยเห็นว่าโจทก์บรรยายการกระทำของจำเลยเป็นองค์ความผิดครบถ้วนตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๕๘ แล้ว
ศาลฎีกาตัดสินว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ฟ้องของโจทก์กล่าวมาว่า จำเลยยักยอกและขอให้ลงโทษฐานยักยอกมาด้วย ก็เป็นการสมควรที่จะสั่งไม่รับประทับฟ้องในฐานนี้ไว้จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ดำเนินคดีไปตามศาลชั้นต้น