แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนและเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษจำเลยได้แจ้งข้อความอันจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จแก่เจ้าหน้าที่กรมการรักษาดินแดน โดยได้บันทึกรับรองในใบสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหารของผู้มีชื่อ 4 ราย ว่าผู้มีชื่อทั้งสี่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงการกระทำของจำเลยอาจทำให้กรมการรักษาดินแดน ป. เจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรียนดังกล่าวร่วมกับจำเลยและประชาชนเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามฟ้องมิได้พาดพิงถึงตัว ป. หรือกรรมสิทธิ์ในโรงเรียนซึ่ง ป. เป็น เจ้าของร่วม ในประการที่จะทำให้ ป. เสียหาย ป. จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับผู้ว่าคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการโรงเรียนอนุสรณ์พาณิชย์ และเป็นผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษ จำเลยได้แจ้งข้อความอันจำเลยรู้อยู่เป็นเท็จแก่พันเอกสงัดเจ้าพนักงานกรมการรักษาดินแดนว่านายชัยณรงค์ นายบวร นายภูมิพรหม และนายวิรัช กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าวโดยบุคคลทั้งสี่นี้ได้ยื่นใบสมัครเข้ารับการฝึกวิชาทหารต่อเจ้ากรมการรักษาดินแดน และกล่าวในใบสมัครว่ากำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนและผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารพิเศษ ได้บันทึกรับรองในใบสมัตรของบุคคลทั้งสี่ว่าเป็นความจริงตามที่บุคคลทั้งสี่กล่าวในใบสมัครความจริงขณะยื่นใบสมัคร บุคคลทั้งสี่มิได้กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว เป็นเหตุให้กรมการรักษาดินแดนรับบุคคลทั้งสี่เข้าฝึกวิชาทหาร การกระทำของจำเลยเป็นไปโดยประการที่ยังประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปให้ได้รับการยกเว้นว่าด้วยการรับราชการทหาร อาจทำให้กรมการรักษาดินแดนพลตำรวจตรีปั้น โชติกะพุกณะเจ้าของกรรมสิทธิ์โรงเรียนดังกล่าวร่วมกับจำเลยและประชาชนเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
จำเลยให้การปฏิเสธ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นผู้เสียหาย ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีสิทธิขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้องมิได้พาดพิงถึงตัวผู้ร้องหรือกรรมสิทธิ์ในโรงเรียนซึ่งผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วม ในประการที่จะทำให้ผู้ร้องเสียหาย ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีนี้
พิพากษายืน