แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใบขนสินค้าขาเข้าที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานระบุว่าเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 50 โหล แต่ความจริงกลับเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วนเพียง26 โหลอีก24โหลเป็นร่มทำด้วยแพรเทียม ถือว่าใบขนสินค้านี้เป็นเท็จ ถ้าเจ้าพนักงานหลงเชื่อก็จะทำให้ขาดค่าภาษีไป 2,016 บาทเพราะร่มทำด้วยแพรเทียมต้องเสียภาษีสูงกว่าร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วนเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากรจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อหรือเป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจผิดไม่ได้ทั้งสิ้นเพราะพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 16 บัญญัติไว้ชัดแจ้งให้ถือว่าการกระทำดังที่ระบุไว้ในมาตรา 27 และ 99 แห่ง พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 นั้น เป็นความผิดแม้ผู้กระทำมิได้มีเจตนาหรือทำโดยประมาทเลินเล่อ
ในกรณีเช่นนี้ ร่มที่ทำด้วยแพรเทียม24โหล ของกลางเป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมาย จำเลยจะขอรับคืนหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสำแดงรายการสินค้าเท็จ หลีกเลี่ยงเงินอากรขาเข้าให้น้อย
จำเลยทั้งสองปฏิเสธและว่ามูลเหตุที่ต้องถูกฟ้องเนื่องมาจากความเข้าใจผิด ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการบริษัทวิแสงพาณิชย์ จำกัด จำเลยที่ 2 เป็นชิปปิ้งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2499 จำเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อสินค้าจากร้านขายส่งยี่ห้อยูไทเซียงที่ฮ่องกงหลายอย่าง รวมทั้งร่มด้วยเมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับใบอินวอยซ์แสดงรายการสินค้าและราคากับบิลออฟเลดดิ้งแล้ว ได้มอบเอกสารดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 ไปรับของที่กรมศุลกากร โดยได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ไว้แล้วจำเลยที่ 2ได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมกับใบอินวอยซ์ต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อตรวจสินค้าและชำระอากรในใบขนสินค้าได้แสดงรายการร่มว่าเป็นร่มผ้าทำด้วยฝ้ายล้วน 50 โหล เมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจแล้วปรากฏว่ามีร่มผ้าทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 26 โหล และร่มทำด้วยแพรเทียม24 โหล ไม่ตรงตามใบขนสินค้า ร่มผ้าเสียอากรคันละ 3 บาท ร่มแพรเทียมเสียอากรคันละ 10 บาท ทำให้ขาดค่าอากรไป 2,016 บาท เจ้าหน้าที่จึงยึดร่มทั้งหมด และส่งเรื่องให้อธิบดีกรมศุลกากรเปรียบเทียบแต่จำเลยไม่ยอม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง รวมปรับจำเลยทั้งสองเป็นเงิน 59,944 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ถ้าจะกักขังแทนค่าปรับให้กักขังคนละ 6 เดือน ให้ริบร่มแพรเทียมของกลางตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 17 กับให้จ่ายรางวัลร้อยละ 20 ของราคาของกลางแก่เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมตามมาตรา 7และ 8 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิดพ.ศ. 2489 ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าควรยกฟ้อง จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะที่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วปัญหามีว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 และ 99 ผู้กระทำผิดตามมาตราทั้งสองนี้จะต้องกระทำโดยเจตนา แต่พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482มาตรา 16 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งให้ถือว่าการกระทำดังที่ระบุไว้ในมาตรา 27 และ 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 นั้นเป็นความผิด แม้ผู้กระทำมิได้มีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ ใบขนสินค้าที่จำเลยยื่นต่อเจ้าพนักงานระบุว่าเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 50 โหล ความจริงเป็นร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วน 26 โหลและร่มทำด้วยแพรเทียม 24 โหล จึงถือได้ว่าใบขนสินค้านี้เป็นเท็จถ้าเจ้าพนักงานหลงเชื่อก็จะทำให้ขาดค่าภาษีไป 2,016 บาท เพราะร่มทำด้วยแพรเทียมต้องเสียภาษีสูงกว่าร่มทำด้วยผ้าฝ้ายล้วนเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร ข้อที่จำเลยอ้างว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของจำเลยก็ดี จำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อก็ดีหรือเป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจผิดก็ดี เป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ได้ทั้งสิ้น ส่วนร่มทำด้วยแพรเทียม 24 โหลของกลางนั้น ก็เป็นของที่ส่งมาให้จำเลยโดยผิดกฎหมาย จำเลยขอรับคืนไปหาได้ไม่ศาลฎีกาพิพากษายืน.