คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อำนาจของศาลที่สั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินก่อนคำพิพากษาย่อมอยู่ในดุลยพินิจ ผู้ร้องรับเงินแทนจำเลยโจทก์มีสิทธิที่จะติดตามยึดเงินนั้นก่อนคำพิพากษาได้ประมวลวิธีพิจารณาความประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.311 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้อง

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ใช้เงินเรื่องซื้อของเชื่อ และยื่นคำร้องของยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา โดยอ้างว่าเหตุว่าจำเลยได้มอบฉันทะให้ผู้ร้องรับเงินค่าจ้างแรงงานของจำเลยจากสำนักงานพระคลังข้างที่ก่อนฟ้องคดีนี้ ๑ วันเป็นเงิน ๓๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วให้ออกหมายยึด ผู้ร้องว่าได้รับเงินแทนจำเลยจริง แต่ได้จ่ายใช้หนี้ไปแล้วตามคำสั่งจำเลย ส่วนคดีระหว่างโจทก์จำเลยนั้นเป็นอันยุตติโดยจำเลยทำสัญญายอมใช้เงินแก่โจทก์.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เงินรายนี้ผู้ร้องได้จ่ายไปโดยชอบ ให้โจทก์ถอนการยึดเงิน ๓๐๐๐ บาทนั้น.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้สั่งผู้ร้องใช้หนี้ภริยาผู้ร้องแต่รายเดียว ๒๐๐๐ บาท ซึ่งผู้ร้องได้จ่ายให้ไปก่อนหน้าวันรับหมายยึดแล้ว ส่วนเงินอีก ๑๐๐๐ บาท จำเลยไม่ได้สั่งให้ชำระหนี้แก่ผู้ใด จึงพิพากษาแก้ให้โจทก์มีสิทธิยึดเงิน ๑๐๐๐ บาท
ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๔ นั้น ศาลมีอำนาจที่จะส่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยได้แล้วแต่กรณี เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องขอรับตัวเงินของจำเลยไป โจทก์ก็มีสิทธิติดตามยึดได้ ส่วนมาตรา ๓๑๑ ที่ผู้ร้องอ้างเป็นเรื่องเกี่ยวแก่สิทธิเรียกร้องต่างกับคดีนี้ และฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์แล้วพิพากษายืน.

Share