แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทจากโจทก์ แม้คนที่อยู่กับจำเลยจะไปลงสำมะโนครัวว่าตนเป็นเจ้าบ้านและอ้างว่าจำเลยเป็นเพียงลูกจ้างก็ดีย่อมถือว่าผู้นั้นเป็นบริวารของจำเลยด้วย
ย่อยาว
เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวของโจทก์ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร คดีถึงที่สุด ในการบังคับคดีโจทก์ขอให้ศาลหมายจับ ก. ผู้ร้องฐานขัดหมายบังคับ ก. แถลงต่อศาลว่าไม่ใช่เป็นบริวารของจำเลย แต่เป็นเจ้าของร้านและจำเลยเป็นลูกจ้างของ ก. และส่งสำเนาทะเบียนสำมะโนครัวมาแสดงว่า ก. เป็นเจ้าบ้านในห้องพิพาท ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากโจทก์ จำเลยกับ ก. ผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนกันทำการค้า
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ก. สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้เห็นได้ว่ามิใช่บริวารของจำเลย ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้จับ ก. เสีย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ว่าหัวหน้าครอบครัวตามสำมะโนครัวไม่ได้หมายความว่าเจ้าบ้านและไม่มีความสัมพันธ์ในการเข้าอยู่ในที่นี้กับโจทก์ ไม่น่าเชื่อว่า ก. ไม่ใช่บริวาร ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและบังคับให้ ก. ผู้ร้องออกจากที่พิพาทใน 7 วัน มิฉะนั้นให้จับตัวมาคุมขัง ฯลฯ
นางกิมง้วนผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ ก. จะไปลงบัญชีสำมะโนครัวว่าเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือแม้ว่าจะลงว่าเป็นเจ้าบ้านหรือเจ้าของห้องก็ตามที ก็ไม่อาจทำให้ฐานะแห่งการเข้าอยู่ในห้องที่จำเลยได้เช่าไว้เปลี่ยนแปลงไปได้ ก. เข้าอยู่ในห้องเช่าได้ก็โดยอาศัยอำนาจการเช่าของจำเลย และเห็นว่าความสัมพันธ์ทางส่วนตัวระหว่างผู้เข้าอยู่กับผู้เช่าจะมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกันอย่างไรก็ดี เมื่อการเข้าอยู่เป็นไปด้วยอำนาจของผู้เช่าแล้ว ก็ต้องเป็นบริวารของผู้เช่าตามความหมายของคำว่า “บริวาร” ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
พิพากษายืน