แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินหมาย ค.ในแผนที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ และเสียค่าขึ้นศาลมาเฉพาะที่ดินส่วนนี้เท่านั้น จำเลยได้ฟ้องแย้งว่าที่ดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดเป็นของจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ก็เพียงแต่ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นของโจทก์เท่านั้น มิได้เสียค่าขึ้นศาลและขอให้ขับไล่จำเลยในที่ดินนอกจากหมาย ค.ด้วย แม้ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาททั้งหมดเป็นของโจทก์ก็ตามศาลก็ต้องพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้เฉพาะหมาย ค. เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ประมาณ ๕-๖ ไร่เศษ ตามแผนที่ท้ายฟ้อง และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การโดยฟ้องแย้งว่า จำเลยครอบครองที่ดินของจำเลยเนื้อที่ประมาณ ๑๒๕ ไร่เศษ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ นายสนิท วังงาม ได้ขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินของจำเลยเป็นเนื้อที่ ๗๘ ไร่ โจทก์รับโอนสิทธิจากนายสนิท โดยสมยอมและไม่สุจริต คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์ และพิพากษาว่าที่ดินที่โจทก์อ้างในฟ้องว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดนั้นเป็นของจำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องและให้ขับไล่โจทก์กับบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าว และให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่โจทก์ฟ้องเสียด้วย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่พิพาททั้งหมดเป็นของนายสนิท โจทก์ได้ซื้อและครอบครองมาโดยชอบ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและออกไปจากที่ดินของโจทก์ภายในเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาท (หมาย ค. และ ก.) ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเฉพาะที่ดินหมาย ค. ในแผนที่พิพาท (เนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่) ส่วนที่ดินหมาย ก. ในแผนที่พิพาท (ที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งทั้งหมดนอกจากที่ดินหมาย ค.ประมาณ ๕ ไร่) เป็นของจำเลยพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามรูปแผนที่หมาย ก. ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้อง ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) เฉพาะที่ดินหมาย ก. นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาท (นอกจากที่ดินเนื้อที่ ๕ ไร่ ภายในเส้นเลือดแดงในแผนที่พิพาทที่ศาลหมาย ค.) เป็นของโจทก์ และวินิจฉัยว่า แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ไม่อาจพิพากษาเช่นนั้นได้ เพราะคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินภายในเส้นสีแดง (หมาย ค.) ในแผนที่พิพาท เนื้อที่ประมาณ ๕ ไร่เศษ และเสียค่าขึ้นศาลมาเฉพาะที่ดินส่วนนี้เท่านั้น แม้ปรากฏว่า จำเลยได้ฟ้องแย้งว่าที่ดินของโจทก์ทั้งหมดเป็นของจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ก็เพียงแต่ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นของโจทก์เท่านั้น มิได้เสียค่าขึ้นศาลและขอให้ขับไล่จำเลยในที่ดินส่วนนี้ด้วย
พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์