แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานสอบสวนมิใช่หน่วยงาน แต่เป็นบุคคลธรรมดามีฐานะเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนคดีอาญา และมีอำนาจสั่งคำร้องขอให้ประกันตัวผู้ต้องหาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนและทำสัญญาประกันแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้ตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเอง มิใช่เป็นการกระทำแทนหรือกระทำในนามกรมตำรวจ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 มาประกันตัวผู้ต้องหา และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันทำสัญญาประกันไว้แก่โจทก์ว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาให้โจทก์ตามนัด ถ้าผิดสัญญายอมชดใช้เงินจำนวน160,000 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามามอบให้โจทก์ได้ ขอให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกับชำระเงินจำนวน 160,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่นิติบุคคล การที่โจทก์มีอำนาจให้ทำสัญญาประกันตัวเป็นเพียงระเบียบระหว่างโจทก์กับกรมตำรวจเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับมอบอำนาจของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดจำเลยทั้งสองไม่ผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 160,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเป็นเพียงหน่วยงานย่อยของกรมตำรวจ มิได้เป็นนิติบุคคลมีอำนาจให้ประกันแทนหรือในนามกรมตำรวจเท่านั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องเห็นว่าพนักงานสอบสวนมิใช่หน่วยงานแต่เป็นบุคคลธรรมดามีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนคดีอาญาโดยในส่วนที่เกี่ยวกับคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวหรือขอประกันตัวผู้ต้องหานั้น เมื่อมีการยื่นคำร้องมาโดยถูกต้องแล้วพนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสั่งได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน ก็ชอบที่จะให้ผู้ประกันหรือผู้เป็นหลักประกันลงลายมือชื่อไว้ในสัญญาประกัน ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 106(1), มาตรา 107 และมาตรา 112 ดังนี้การที่จำเลยที่ 1มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน และโจทก์ก็ได้อนุญาตให้ประกันและให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ในสัญญาประกันแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยถือได้ว่าเป็นการทำสัญญาประกันและฟ้องร้องตามอำนาจและหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเองมิใช่เป็นการกระทำแทนหรือกระทำในนามกรมตำรวจ
พิพากษายืน.