คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5477/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การจำเลยและนัดชี้สองสถาน ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าโจทก์ยื่นฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อนตามที่ได้ตกลงกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งว่าสำเนาให้โจทก์ถ้าจะคัดค้านให้ยื่นก่อนวันชี้สองสถานหรือในวันชี้สองสถาน เมื่อถึงวันนัดชี้สองสถานฝ่ายโจทก์แถลงยอมรับข้อเท็จจริงว่าได้ลงนามในสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการกับจำเลยจริงและแถลงไม่ติดใจคัดค้านคำร้องของจำเลย เป็นการที่ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 10 แล้ว และเมื่อไม่ปรากฏว่ามีเหตุที่ทำให้สัญญาอนุญาโตตุลาการนั้นเป็นโมฆะหรือใช้ไม่ได้ด้วยเหตุประการอื่น หรือมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๖๖,๕๖๙ บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๖๖,๕๖๙ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์หรือจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยอ้างว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นบริษัทจำกัดซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจรับประกันวินาศภัยและเป็นคู่สัญญาในการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการซึ่งมีข้อตกลงว่า คู่กรณีจะต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อน จึงจะนำคดีมาสู่ศาลได้ แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การและนัดชี้สองสถานก่อนถึงวันนัดชี้สองสถานจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าโจทก์กับจำเลยตกลงกันว่าจะต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อน จึงจะนำคดีมาสู่ศาลได้ แต่โจทก์ยื่นฟ้องคดีโดยมิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งว่า สำเนาให้โจทก์ ถ้าจะคัดค้าน ให้ยื่นก่อนวันชี้สองสถานหรือในวันชี้สองสถาน เมื่อถึงวันนัดชี้สองสถาน คู่ความมาศาล ศาลชั้นต้นบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า “… ทนายโจทก์รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้ว แถลงยอมรับข้อเท็จจริงว่าโจทก์และจำเลยได้ลงนามในสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการจริง และไม่ติดใจคัดค้านคำร้องดังกล่าว เมื่อได้ความดังนี้ จึงเห็นว่าพอวินิจฉัยตามคำร้องของจำเลยได้แล้ว จึงให้งดการชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์ตามที่นัดไว้และให้รอฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันนี้” ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์รับสำเนาคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายและสอบถามโจทก์เกี่ยวกับคำร้องดังกล่าว ซึ่งโจทก์ก็ยอมรับข้อเท็จจริงว่า โจทก์และจำเลยได้ลงนามในสัญญาการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการจริง และแถลงไม่ติดใจคัดค้านคำร้องนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๑๐ ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการตามสัญญา คู่สัญญาฝ่ายที่ถูกฟ้องอาจยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันสืบพยานหรือก่อนมีคำพิพากษาในกรณีที่ไม่มีการสืบพยาน ให้มีคำสั่งจำหน่ายคดี เพื่อให้คู่สัญญาดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการก่อน และเมื่อศาลทำการไต่สวนแล้วไม่ปรากฏว่ามีเหตุที่ทำให้สัญญาอนุญาโตตุลาการนั้นเป็นโมฆะหรือใช้บังคับไม่ได้ด้วยเหตุประการอื่นหรือมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญานั้นได้ ก็ให้มีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสีย” แล้ว ที่ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนจำเลย ๑,๘๐๐ บาท.

Share