คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5457/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฉ. ได้ขับรถบรรทุกลากจูงรถพ่วงบรรทุกม้วนกระดาษดราฟท์ เพื่อไปส่งให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อไปถึงสถานที่จะขนถ่าย ม้วนกระดาษดราฟท์ ที่บรรทุกมาทั้งหมดลง จำเลยและ ฉ. กลับร่วมกันนำม้วนกระดาษดราฟท์ ที่บรรทุกอยู่ในรถพ่วงไปขายให้ผู้อื่น เมื่อกระดาษดราฟท์ ที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์นั้นได้บรรทุกอยู่บนรถพ่วงซึ่งถูกลากจูงโดยรถบรรทุกเพื่อขนส่ง ไปยังสถานที่ขนถ่ายอยู่ก่อนแล้ว การที่จำเลยกับ ฉ.ร่วมกันลักกระดาษดราฟท์ โดยใช้รถข้างต้นซึ่งบรรทุก กระดาษดราฟท์มาแต่แรกและฉ.เป็นลูกจ้างผู้มีหน้าที่ขับรถคันดังกล่าวแล้ว ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับ ฉ. จึงมิใช่เป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่ การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป กรณีไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ แม้จำเลยกับ ฉ. เคยถูกฟ้องเป็นคดีเดียวกัน แต่ ฉ.ให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาว่าฉ.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม,336 ทวิส่วนจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งและโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ก็ตามเมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาคดีนี้ การกระทำของ จำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ ศาลก็ลงโทษ จำเลยตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ หาใช่ว่าเป็นเหตุ ในลักษณะคดีที่จำเลยต้องรับโทษเช่นเดียวกับ ฉ. ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ, 83 และให้จำเลยกับจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2809/2538 ของศาลชั้นต้น ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 18,791 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7)(11) 336 ทวิ ประกอบมาตรา 83 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 7 ปี ให้จำเลยกับจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 2809/2538 ของศาลชั้นต้น ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 18,791 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(11) วรรคสาม, 83 จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เป็นข้อแรกว่า การกระทำความผิดของจำเลยกับพวกได้ใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือไม่ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 222 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า นายฉลวย จำเลยที่ 2 ในอีกคดีหนึ่งดังกล่าวข้างต้นได้ขับรถบรรทุกลากจูงรถพ่วงบรรทุกม้วนกระดาษดราฟท์ ไปส่งให้แก่ผู้เสียหาย แต่เมื่อไปถึงสถานที่จะขนถ่ายม้วนกระดาษดราฟท์ที่บรรทุกมาทั้งหมดลงจำเลยและนายฉลวยกลับร่วมกันนำม้วนกระดาษดราฟท์ ที่บรรทุกอยู่ในรถพ่วงไปขายให้ผู้อื่น พิเคราะห์แล้ว ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น กระดาษดราฟท์ ที่จำเลยกับพวกลักทรัพย์นั้นได้บรรทุกอยู่บนรถพ่วงซึ่งถูกลากจูงโดยรถบรรทุกเพื่อขนส่งไปยังสถานที่ขนถ่ายอยู่ก่อนแล้ว การที่จำเลยกับนายฉลวยร่วมกันลักกระดาษดราฟท์ โดยใช้รถข้างต้นซึ่งบรรทุกกระดาษดราฟท์มาแต่แรก และนายฉลวยเป็นลูกจ้างผู้มีหน้าที่ขับรถคันดังกล่าวแล้วดังนี้ การกระทำของจำเลยกับนายฉลวย จึงมิใช่เป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปกรณีไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ
ส่วนที่โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายฉลวยกระทำความผิดและลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 วรรคสาม, 336 ทวิ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยกับนายฉลวยร่วมกันกระทำความผิดรายเดียวกันนี้ จึงเป็นเหตุในลักษณะดีจำเลยผู้ร่วมกระทำความผิด จึงต้องมีความผิดและถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ ด้วยเช่นกัน นั้น เห็นว่า เดิมจำเลยกับนายฉลวยถูกฟ้องเป็นคดีเดียวกัน นายฉลวยให้การรับสารภาพส่วนจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่ง และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ตามที่ปรากฏในการพิจารณา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวไม่ได้ กรณีหาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใดไม่
พิพากษายืน

Share