แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่พวกของจำเลยนำชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดบรรทุกรถยนต์ออกจากโกดังที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุม โดยภายในโกดังที่เกิดเหตุมีการขน ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตัดเป็นชิ้นแล้วบรรทุกรถยนต์กระบะอีกคันหนึ่งซึ่ง สามารถขับขนย้ายออกไปได้โดยง่าย มีเหตุผลเชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้า กว่าจะเอาหมายค้นมาทำการตรวจค้นในวันรุ่งขึ้น สิ่งของดังกล่าว จะถูกโยกย้ายเสียก่อน และพยานหลักฐานสำคัญจะสูญหาย กรณีมีเหตุ ฉุกเฉินอย่างยิ่งพันตำรวจโท ป. ตำแหน่งสารวัตรสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ย่อมทำการตรวจค้นโกดังที่ เกิดเหตุในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้นได้ ของกลางจำนวนมากเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่ได้จากโกดังที่เกิดเหตุได้มีการตรวจสอบและให้จำเลยลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องไว้ในบัญชีของกลางแล้ว ย่อมใช้ยันจำเลยได้.
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้ากับคดีอาญาหมายเลขแดงที่9573/2531 ของศาลชั้นต้น แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,335(1), 357 คืนของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 200,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9573/2531 ของศาลชั้นต้น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ประกอบด้วยมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 5 ปีจำเลยกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในอีกคดีดังกล่าวให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ให้จำเลยกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในอีกคดีร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์200,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9573/2531ของศาลชั้นต้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9573/2531 ของศาลชั้นต้น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีดังกล่าวมีอายุไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2และที่ 3 ในคดีดังกล่าวให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้อีกคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีดังกล่าวคนละ 2 ปี2 เดือน 20 วัน คำขอที่ให้จำเลยและจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในอีกคดีร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 200,000 บาท ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 9573/2531 ของศาลชั้นต้นกระทำผิดฐานรับของโจร และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยว่า ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า พันตำรวจโทประวิทย์กับพวกเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าพนักงานตำรวจเข้าทำการตรวจค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้นและไม่เข้าเหตุที่จะค้นในเวลากลางคืน และเมื่อตรวจค้นเสร็จแล้วก็มิได้ทำบันทึกการตรวจค้นและมิให้ผู้ครอบครองสถานที่ตลอดจนจำเลยกับพวกดูแลรับรองสิ่งของที่ค้นพบ ตลอดจนมิได้มีการหีบห่อ ตีตราหรือทำเครื่องหมายสำคัญเกี่ยวกับสิ่งของที่ค้นพบนั้น รวมทั้งเมื่อมีการสอบปากคำจำเลยก็มิได้นำสิ่งของที่ค้นพบมาแสดงให้จำเลยดูแต่อย่างใด ซึ่งการจงใจละเว้นเช่นนี้เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92, 96, 101, 102, 103และมาตรา 242 และเมื่อเป็นการปฏิบัติขัดต่อกฎหมายเช่นนี้ของกลางเหล่านี้จะนำมาใช้ยันให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้นั้น เห็นว่าในการค้นของกลางดังกล่าวนี้ พันตำรวจโทประวิทย์มีตำแหน่งเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทำการตรวจค้นได้ในเมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในโกดังดังกล่าว ประกอบกับได้ความว่าก่อนทำการจับกุมนายเซลล์และนายสมรถได้นำชิ้นส่วนอุปกรณ์บางส่วนบรรทุกรถยนต์ออกจากโกดังไป และภายในโกดังที่เกิดเหตุได้มีการขนชิ้นส่วนรถยนต์ที่ตัดแล้วบรรทุกรถยนต์กระบะอีกคันหนึ่งแล้วซึ่งสามารถขับขนย้ายไปโดยง่าย มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาตรวจค้นในวันรุ่งขึ้น สิ่งของเหล่านี้จะถูกโยกย้ายเสียก่อน และพยานหลักฐานสำคัญจะสูญหาย กรณีมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่ง ฉะนั้นการค้นของพันตำรวจโทประวิทย์แม้จะไม่มีหมายค้นและตรวจค้นในเวลากลางคืนก็อาจจะทำการค้นได้ไม่ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนของกลางจำนวนมากเป็นชิ้นส่วนรถที่ได้จากโกดังในซอยโรงเจซึ่งได้มีการตรวจสอบกันแล้ว และให้จำเลยรับรองไว้ว่าพวกของกลางต่าง ๆ นั้นค้นได้ที่โกดังโรงเจซึ่งเป็นอู่รถดังกล่าว ซึ่งจำเลยก็ได้ลงชื่อรับรองความถูกต้องไว้ปรากฏตามบัญชีของกลาง เอกสารหมาย จ.4 ฉะนั้นของกลางอันเป็นพยานวัตถุเหล่านี้จึงใช้ยันจำเลยได้
พิพากษายืน.