คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายอำเภอใช้ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รื้อกระท่อมโจทก์ซึ่งปลูกในที่ดินของทางราชการและยังปลูกสร้างไม่เสร็จใช้พักอาศัยไม่ได้ แล้วนำมา กอง ไว้ข้างถนนเพื่อใช้ที่ดินปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน จำเลยทั้งสามกระทำไปด้วยความเชื่อ โดย สุจริตว่าตน มีสิทธิที่จะกระทำได้ หาใช่มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,84, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อกฎหมายพิจารณาแล้วพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ผู้กระทำต้องมีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย เมื่อจำเลยเพียงแต่รื้อกระท่อมโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของทางราชการและยังปลูกสร้างไม่เสร็จใช้พักอาศัยไม่ได้ แล้วนำมากองไว้ข้างถนนเพื่อใช้ที่ดินดังกล่าวปลูกสร้างศาลาเอนกประสงค์ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เชื่อว่าจำเลยทั้งสามกระทำไปด้วยความเชื่อโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิที่จะกระทำได้ หาใช่มีเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าโจทก์เสียหายหรือไม่อีกต่อไป ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share