คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5443/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์โดยมอบหนังสือสัญญาเช่าซื้อห้องแฟลตให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าหนังสือสัญญาเช่าซื้อนั้นหายไป เพื่อเป็นหลักฐานไปขอคู่ฉบับสัญญาเช่าซื้อจากผู้ให้เช่าซื้อ แล้วนำคู่ฉบับสัญญาดังกล่าวไปขอโอนสิทธิให้ผู้อื่นแต่ถูกศาลสั่งอายัดเสียก่อน ดังนี้โจทก์มิใช่คู่สัญญาไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อแต่ประการใดโจทก์มีสิทธิเพียงยึดถือหนังสือสัญญาเช่าซื้อไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เท่านั้น โจทก์มิได้สูญเสียสิทธิในการยึดถือหนังสือสัญญาเช่าซื้อ ค่าของหนังสือสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ยึดถือก็มิได้ลดน้อยลงเพราะแม้จำเลยจะได้คู่ฉบับสัญญาเช่าซื้อมาเนื่องจากการแจ้งความเท็จแต่ศาลก็ได้มีคำสั่งอายัดการโอนคู่ฉบับสัญญาดังกล่าวแล้วโจทก์จึงไม่เสียหายโดยพฤตินัยหรือโดยนิตินัย และไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์โดยนำสัญญาเช่าซื้อห้องแฟลตมามอบให้เป็นประกัน ต่อมาจำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าสัญญาเช่าซื้อหาย แล้วไปขอคู่ฉบับจากผู้ให้เช่าซื้อ นำไปโอนสิทธิให้แก่ผู้อื่นทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ในชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือเอกสารสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อไว้เป็นประกันเงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวได้รับความกระทบกระเทือน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์มิใช่คู่สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อแต่ประการใด โจทก์มีสิทธิเพียงยึดถือสัญญาเช่าซื้อนี้ไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เท่านั้น โจทก์มิได้สูญเสียสิทธิในการยึดถือสัญญาเช่าซื้อนี้ไว้แต่อย่างใด เพราะโจทก์ยังคงยึดถือสัญญานี้ไว้จนถึงวันฟ้อง ทั้งค่าของสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ยึดถือนั้นก็มิได้ลดน้อยลง เพราะแม้จำเลยจะได้คู่ฉบับสัญญาเช่าซื้อมาเนื่องจากการแจ้งความเท็จ แต่ศาลได้มีคำสั่งอายัดการโอนคู่ฉบับดังกล่าวโจทก์จึงไม่เสียหายโดยพฤตินัยหรือโดยนิตินัย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้”
พิพากษายืน

Share