แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความตกลงท้ากันว่า บ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้องหรือไม่ หากคดีรับฟังได้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามฟ้อง หากคดีรับฟังไม่ได้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี เมื่อตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยขายฝากบ้านเลขที่ 86/1 จำนวน 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ในโฉนดอีกหลังหนึ่งที่พิพาทอยู่ในที่งอกชายตลิ่ง ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำท้าของคู่ความนั้น จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายฝากบ้านพิพาทซึ่งไม่มีเลขบ้านให้โจทก์ด้วยหรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 86/1แล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจึงไม่ตรงตามคำท้าเป็นการมิชอบ เมื่อตามหนังสือสัญญาขายฝากระบุว่าจำเลยได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 และขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินมีบ้านเลขที่ 86/1 ซึ่งแสดงชัดเจนว่าขายฝากที่ดินและบ้านเลขที่86/1 ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ขายฝากเท่านั้น ฉะนั้นบ้านหลังอื่นที่มิได้ปลูกอยู่ในที่ดินที่ขายฝากจำเลยมิได้ขายฝากให้ด้วย คดีจึงรับฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2514 จำเลยได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 86/1 จำนวน2 หลังให้แก่โจทก์ มีกำหนด 2 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยมิได้ไถ่คืน กรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจึงตกเป็นของโจทก์ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2518 จำเลยได้เช่าที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวจำนวน 2 หลัง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นทางขึ้นลงแม่น้ำเจ้าพระยาไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาเมื่อวันที่ 15มีนาคม 2530 จำเลยได้บอกเลิกสัญญาเช่าและส่งมอบที่ดินกับบ้านเลขที่ 86/1 ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินโฉนดดังกล่าวเพียงหลังเดียวส่วนบ้านเลขที่ 86/1 อีก 1 หลังที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินชายตลิ่งกับที่ดินชายตลิ่งดังกล่าวจำเลยไม่ส่งมอบถือว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าและกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เพราะหากให้ผู้อื่นเช่าจะได้ค่าเช่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยพร้อมบริวารขนย้ายออกจากที่งอกริมตลิ่งโฉนดเลขที่40238 ให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 1,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชายตลิ่งดังกล่าวตั้งอยู่นอกแนวเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 จึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดดังกล่าว ทั้งมีบ้านเลขที่ 86/1 อยู่บนที่ดินโฉนดดังกล่าวเพียงหลังเดียว ไม่ใช่ 2 หลัง จำเลยขายฝากเฉพาะที่ดินและบ้านเลขที่ 86/1 ที่อยู่ในโฉนดไม่รวมถึงที่ดินและบ้านที่อยู่ชายตลิ่งด้วย ที่ดินโฉนดดังกล่าวไม่มีที่งอกและที่ดินชายตลิ่งดังกล่าวก็มิใช่ที่งอกริมตลิ่งด้วย แต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพราะเป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยเป็นเจ้าของครอบครองตลอดมา ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน คู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นเดียวว่า บ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 ตามฟ้องหรือไม่หากคดีรับฟังได้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามฟ้อง หากคดีรับฟังไม่ได้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากบ้านเลขที่ 86/1 บริเวณที่ชายตลิ่งซึ่งเป็นบ้านพิพาท ให้ส่งคืนในสภาพเรียบร้อย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน1,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้หลายข้อ ต่อมาคู่ความขอสละประเด็นข้อต่อสู้และข้อหาทั้งหมด และท้ากันว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 หมู่ที่ 6ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ตามฟ้องหรือไม่หากคดีรับฟังได้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามฟ้อง หากคดีรับฟังไม่ได้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ซึ่งในการที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อตามคำฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยขายฝากบ้านเลขที่ 86/1 จำนวน 2 หลัง หลังหนึ่งอยู่ในโฉนด อีกหลังหนึ่งที่พิพาทอยู่ในที่งอกชายตลิ่ง ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำท้าของคู่ความนั้น จึงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่าจำเลยขายฝากบ้านพิพาทซึ่งไม่มีเลขบ้านให้โจทก์ด้วยหรือไม่ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าบ้านพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 86/1 แล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทจึงไม่ตรงตามคำท้า เป็นการมิชอบศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยคดีให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความต่อไปโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย ในเบื้องต้นข้อเท็จจริงซึ่งคู่ความไม่โต้แย้งกันรับฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีพร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 86/1 แก่โจทก์ มีกำหนด 2 ปีปรากฏตามหนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน เอกสารหมาย จ.7 และจำเลยมิได้ไถ่คืนภายในเวลาที่กำหนดตามสัญญา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามหนังสือสัญญาขายฝากเอกสารหมาย จ.7 ระบุว่าจำเลยได้ขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 40238และขายพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินมีบ้านเลขที่ 86/1 หมู่ที่ 6ตำบลสวนใหญ่ ซึ่งแสดงชัดเจนว่าขายฝากที่ดินและบ้านเลขที่ 86/1ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ขายฝากเท่านั้น ฉะนั้นบ้านหลังอื่นที่มิได้ปลูกอยู่ในที่ดินที่ขายฝาก จำเลยมิได้ขายฝากให้ด้วย เฉพาะบ้านพิพาทซึ่งไม่มีเลขบ้านปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์ว่าปลูกอยู่ในน้ำอยู่นอกโฉนดที่ดินที่ขายฝากและอยู่ตรงที่ชายตลิ่งติดกับที่ดินที่ขายฝากและตามที่ศาลชั้นต้นได้เดินเผชิญสืบตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 22 มกราคม 2531 ก็ปรากฏว่ามีบ้าน2 หลังมีแนวเขตติดกัน หลักเขตที่ดินอยู่สุดบ้านเลขที่ 86/1 ทางชายน้ำ ต่อจากบ้านเลขที่ 86/1 ทางชายน้ำมีนอกชานเชื่อมติดต่อกับบ้านพิพาท ตามพยานหลักฐานดังกล่าวฟังได้ว่า บ้านพิพาทมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 40238 ฉะนั้น ตามหนังสือสัญญาขายฝากจำเลยจึงมิได้ขายฝากบ้านพิพาทให้โจทก์ด้วย คดีจึงรับฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นบ้านเลขที่ 86/1 หมู่ที่ 6 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์