แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือมิฉะนั้นจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร เช่นนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์(อ้างฎีกาที่ 467/2491 และ 212/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์ของกลาง ตามวันเวลาที่ทรัพย์ดังกล่าวถูกลักไป จำเลยบังอาจลักทรัพย์นั้นไปหรือมิฉะนั้นระหว่างวันเวลาที่ทรัพย์นั้นถูกลักไป ถึงวันเวลาที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ จำเลยได้บังอาจรับของโจรรายนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของร้ายอันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) (3), 357
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยบรรยายในฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร มิได้ระบุว่าจำเลยทำผิดสถานใดแน่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควร เท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ หรือมิฉะนั้นกระทำผิดฐานรับของโจรโดยชัดแจ้ง โจทก์หาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรในขณะเดียวกันไม่ ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว (อ้างฎีกาที่ 467/2491 และ 212/2504)
พิพากษายืน