คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเฉพาะส่วนและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่า จำเลยจำนองทรัพย์ดังกล่าวเฉพาะส่วนกรรมสิทธิ์ของจำเลยเท่านั้นเป็นประกันการชำระหนี้ แต่ตัวทรัพย์ทั้งหมดนั้นจำเลยจะก่อภาระติดพันได้ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1361 วรรคสอง เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าของรวมคนอื่นยินยอมให้จำเลยทำนิติกรรมจำนอง การจำนองดังกล่าวจึงไม่ผูกพันตัวทรัพย์ทั้งหมด การที่จำเลยเจ้าของรวมคนหนึ่งจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของตนต่อโจทก์จึงเป็นการจำนองเฉพาะส่วนแห่งสิทธิของตนเท่านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง ย่อมไม่กระทบถึงส่วนแห่งสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 6,277,686.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.75 ต่อปี ของต้นเงิน 3,370,386.73 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนกว่าจะครบถ้วน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,535,429.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,443,170.07 บาท นับแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2536 ถึงวันที่ 26 กันยายน 2536 ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 กันยายน 2536 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2537 ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2537 ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2538 ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 มีนาคม 2538 ถึงวันที่ 8 กันยายน 2540 และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 กันยายน 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้นำเงิน 727.95 บาท 17,715.39 บาท 16,769.99 บาท 20,471.11 บาท และ 17,098.90 บาท ไปหักชำระต้นเงิน ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2536 วันที่ 26 สิงหาคม 2536 วันที่ 27 กันยายน 2536 วันที่ 26 ตุลาคม 2536 และวันที่ 26 มกราคม 2537 ตามลำดับ เหลือต้นเงินเท่าใดให้คิดดอกเบี้ยจากต้นเงินคงเหลือในแต่ละวันที่หักชำระหนี้ต้นเงินแล้ว กับให้นำเงิน 52,072.05 บาท 35,084.61 บาท 36,030.01 บาท 32,328.89 บาท 63,000 บาท และ 35,701.10 บาท ไปหักชำระดอกเบี้ย ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2536 วันที่ 26 สิงหาคม 2536 วันที่ 27 กันยายน 2536 วันที่ 26 ตุลาคม 2536 วันที่ 29 ธันวาคม 2536 และวันที่ 26 มกราคม 2537 ตามลำดับ หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 3034 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ (บางเหี้ย) จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน กับให้ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเฉพาะส่วนและข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองจำเลยจำนองทรัพย์ดังกล่าวเฉพาะส่วนกรรมสิทธิ์ของจำเลยเท่านั้นเป็นประกันการชำระหนี้ ซึ่งตัวทรัพย์ทั้งหมดนั้นจำเลยจะก่อภาระติดพันได้ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าของรวมคนอื่นยินยอมให้จำเลยทำนิติกรรมจำนองด้วยการจำนองดังกล่าวจึงไม่ผูกพันตัวทรัพย์ทั้งหมด การที่จำเลยเจ้าของรวมคนหนึ่งจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของตนต่อโจทก์จึงเป็นการจำนองเฉพาะส่วนแห่งสิทธิของตนเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง ย่อมไม่กระทบถึงส่วนแห่งสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่น
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 3034 ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ (บางเหี้ย) จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของจำเลยขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share