คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5393/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในข้อหาพาอาวุธปืนฯ โจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ 72 ทวิ มิได้ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ดังกล่าวเป็นการพิพากษา เกินคำขอและศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไข จึงไม่ชอบ แม้จำเลย มิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีอาวุธปืนสั้นไม่ทราบชนิดและขนาด ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนจำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต กับจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายศุภลัทธ์ ศุขะพันธุ์ โดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายศุภลัทธ์ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสร้อยสวรรค์ ศุขะพันธุ์ มารดานายศุภลัทธ์ ศุขะพันธุ์ ผู้ตาย ยื่นคำร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, 91 ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก 18 ปี ฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะ ปรับ 100 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 18 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 86 จำคุก 12 ปี หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจทราบทันทีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนแต่อย่างใด จำเลยที่ 1เพิ่งมากล่าวอ้างชั้นศาลจึงเลื่อนลอย ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น เห็นว่า พยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีพิรุธน่าสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
อนึ่ง สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้พิพากษาแก้ในความผิดฐานนี้นั้น ตามฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371จึงไม่อาจลงโทษตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าวได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ การพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 จึงไม่ชอบ แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share