แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2503 ได้บัญญัติพิกัดอัตราศุลกากรขาเข้าสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า กับเครื่องวิทยุส่งกระจายเสียงไว้แตกต่างกันอย่างละประเภท กล่าวคือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอยู่ในพิกัดประเภทที่ 85.01 อัตราอากรร้อยละ 11 ส่วนเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงอยู่ในพิกัดประเภท 85.15 อัตราอากรตามราคาร้อยละ 5.5 แม้ตามคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรที่กรมศุลกากรโจทก์จัดพิมพ์ขึ้น จะมีคำอธิบายเกี่ยวกับเครื่องจักรไฟฟ้าบางชนิดซึ่งอยู่ในพิกัดของตอนที่ 85 ว่า อาจประกอบด้วยยูนิตต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันเช่น เครื่องส่งวิทยุและเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกันก็ตาม แต่เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าก็เป็นเครื่องมือสำหรับจ่ายกำลังงาน ส่วนเครื่องกำเนิดไฟฟ้านั้นเป็นเครื่องที่ก่อให้เกิดพลังงาน มิใช่ของอย่างเดียวกัน เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าตามตัวอย่างดังกล่าวจึงไม่คลุมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วย และเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามิใช่ส่วนหนึ่งหรือส่วนประกอบของเครื่องวิทยุที่มีอุปกรณ์ครบชุด ต้องการเพียงกระแสไฟฟ้าพลังงานซึ่งอาจได้มาจากไฟฟ้าของทางราชการ หรือจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก็สามารถทำการออกอากาศได้ ดังนั้น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรแม้นำเข้ามาพร้อมกับเครื่องส่งวิทยุ หรือทำขึ้นโดยมีเจตนาที่จะใช้กับเครื่องส่งวิทยุก็ต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 85.01 ข. (3) (ก) อัตราร้อยละ 11 ของราคา มิใช่พิกัดประเภทที่ 85.15 ก. อัตราร้อยละ 5.5
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารวม ๑ เครื่อง โดยสำแดงรายการในใบขนสินค้าขาเข้าว่าเป็นส่วนของเครื่องวิทยุจำนวน ๓ ชุด เสียอากรขาเข้าในพิกัด ๘๕.๑๕ ก. อัตราค่าอากร ๕.๕ เปอร์เซ็นต์ ต่อมาจำเลยตรวจพบว่าสินค้านั้นเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งจะต้องเสียภาษีอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ ๘๕.๐๑ ข. (๓) (ก) อัตราค่าอากร ๑๑ เปอร์เซ็นต์ จำเลยจึงชำระค่าอากรขาดไป ๑๒๕,๕๒๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่พิพาทเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียง ต้องเสียภาษีในพิกัด ๘๕.๑๕ ก. ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระอากรขาเข้าให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้บัญญัติพิกัดอัตราอากรขาเข้าไว้ในภาค ๒ ที่เกี่ยวกับสินค้ารายพิพาทนี้อยู่ในหมวด ๑๖ ตอนที่ ๘๕ เครื่องกลจักรไฟฟ้าและเครื่องไฟฟ้า รวมทั้งส่วนและส่วนประกอบของสิ่งดังกล่าว ประเภทที่ ๘๕.๐๑ เครื่องไฟฟ้าต่อไปนี้คือ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มอเตอร์ เครื่องเปลี่ยนกระแสไฟฟ้า (คอนเวอร์ตเตอร์) (ทั้งชนิดหมุนและชนิดที่อยู่คงที่) หม้อแปลงไฟ เครื่องกลับกระแสไฟ (เรคติไฟออร์) เครื่องช่วยเครื่องกลับกระแสไฟ เครื่องคลุมกระแสไฟ ก. มอเตอร์ ฯลฯ ข. เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ฯลฯ (๓) อื่น ๆ (ก) ครบชุดสมบูรณ์ อัตราอากรตามราคาร้อยละ ๑๑ ส่วนเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงนั้นกำหนดไว้ในประเภทที่ ๘๕.๑๕ ว่าด้วยเครื่องส่งและเครื่องรับวิทยุโทรเลขและวิทยุโทรศัพท์ เครื่องส่งและเครื่องรับวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ (รวมทั้งเครื่องดังกล่าวที่มีเครื่องเล่นจานเสียงประกอบด้วย) ฯลฯ ก.เครื่องวิทยุโทรเลข เครื่องวิทยุโทรศัพท์ เครื่องส่งวิทยุ เครื่องส่งโทรทัศน์ และกล้องถ่ายโทรทัศน์รวมทั้งส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าวอัตราอากรตามราคาร้อยละ ๕.๕ ตามพระราชกำหนดดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ได้บัญญัติพิกัดอัตราอากรขาเข้าสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากับเครื่องส่งวิทยุกระจายสียงไว้แตกต่างกันอย่างละประเภท
ที่จำเลยฎีกาว่า เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทเป็นเครื่องจักรไฟฟ้า อันเป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนประกอบสำคัญของเครื่องส่งวิทยุ เพราะถ้าเครื่องส่งวิทยุขาดกระแสไฟฟ้าก็เกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแล้ว ก็จะทำการกระจายเสียงออกอากาศไม่ได้ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกันกับเครื่องส่งวิทยุจึงต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดเดียวกับเครื่องส่งวิทยุคือประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. อัตราร้อยละ ๕.๕ โดยอ้างหนังสือคำอธิบายพิกัดอัตราศุลกากรที่โจทก์จัดพิมพ์จำหน่ายตามเอกสารหมาย ล. ๑๔ หน้า ๙๒๔ ซึ่งคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษมีคำแปลว่า “(บี) เครื่องซึ่งประกอบด้วยยูนิตต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกัน เครื่องจักรไฟฟ้าบางชนิดซึ่งอยู่ในพิกัดของตอนที่ ๘๕ ประกอบด้วยปริมาณของยูนิตต่าง ๆ ที่แยกกันอยู่ โดยออกแบบมาใช้งานร่วมกัน และเมื่อต่อสายไฟถึงกันแล้วจะเป็นเครื่องจักรไฟฟ้าครบชุดชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่ายูนิตต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่ได้รวมอยู่ในโครงสร้างเดียวกัน ก็ให้ถือว่ายูนิตต่าง ๆ เหล่านั้นอยู่ในประเภทพิกัดเดียวกัน ถ้าหากว่าเครื่องจักรไฟฟ้าที่ประกอบขึ้นด้วยยูนิตต่าง ๆ นี้เป็นเครื่องจักรที่อยู่ในประเภทพิกัดของตอนที่ ๘๕ ด้วย ยกตัวอย่างในกรณีนี้เช่น ๑. เครื่องเชื่อมไฟฟ้า ประกอบด้วยหม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือเครื่องกลับกระแสไฟฟ้า และหัวเชื่อมไฟฟ้าหรือปากคีบ ๒. เครื่องส่งวิทยุและเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกันเครื่องขยายเสียง ฯลฯ ๓. เครื่องส่งวิทยุโทรทัศน์แบบเคลื่อนที่ และไมโครโฟนแบบมือถือที่ใช้ร่วมกัน ๔. เครื่องเรดาร์และเครื่องรับพร้อมเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกันเครื่องขยายเสียง ฯลฯ ๕. สัญญาณโจรกรรมซึ่งประกอบด้วยหลอดอินฟาเรดโฟโตเซลล์กระดิ่ง ฯลฯ ถ้าหากว่ายูนิตที่กล่าวแล้วนี้นำเข้าพร้อมกัน ให้จัดเข้าในประเภทเครื่องเชื่อมไฟฟ้า เครื่องส่งวิทยุ เครื่องเรดาร์ เครื่องสัญญาณโจรกรรม ฯลฯ ถึงแม้ว่ายูนิตต่าง ๆ เหล่านี้แยกกันนำเข้า เช่นหม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้า เครื่องกลับกระแสไฟฟ้า สัญญาณโจรกรรม หลอดอินฟาเรด โฟโตเซลล์ กระดิ่ง ฯลฯ ให้จัดเข้าในประเภทของเหล่านั้น”
ตามตัวอย่างที่ให้ไว้ดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าคงมีแต่เครื่องเชื่อมไฟฟ้าตามตัวอย่างที่ ๑ เท่านั้นที่ระบุถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ส่วนอีก ๔ ตัวอย่างหาได้ระบุถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วยไม่ โดยเฉพาะเครื่องส่งวิทยุตามตัวอย่างที่ ๒ ก็ระบุถึงแต่เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งแปลมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “แอสโซซิเอเต็ด พาวเวอร์ แพคส์” (Associated power packs) ตามหนังสือของคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงอธิบดีกรมศุลกากร เรื่องการพิจารณาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เอกสารหมาย ล. ๑๕ ที่จำเลยอ้าง ก็ได้อธิบายความหมายของคำดังกล่าวไว้ว่า ในที่นี้หมายความถึงชุดของชิ้นส่วนหรือเครื่องมือซึ่งต้องใช้สำหรับจ่ายกำลังงานให้กับส่วนต่าง ๆ ของวงจรไฟฟ้าในอุปกรณ์การส่งวิทยุกระจายเสียง ซึ่งคำอธิบายนี้ก็ตรงกับบันทึกเอกสารหมาย จ. ๓ ของนายเกียรติทวี พยานโจทก์ นักวิชาการภาษีเอก กองวิเคราะห์ราคา กรมศุลกากร ผู้สำเร็จวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลและสาขาวิชาการไฟฟ้าจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เสนอโจทก์ว่า เพาว์เวอร์ แพคส์ เป็นเครื่องอย่างหนึ่งที่จ่ายกำลังงานไฟฟ้าให้แก่ส่วนต่าง ๆ ของวงจรไฟฟ้าซึ่งอาจจะใช้ในการส่งวิทยุ ส่งเรดาร์ ดังนี้ เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ใช้สำหรับจ่ายกำลังงานกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดกำลังจึงมิใช่ของอย่างเดียวกัน เครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าตามตัวอย่างที่ ๒ จึงมิได้คลุมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามิใช่ส่วนหนึ่งหรือส่วนประกอบของเครื่องส่งวิทยุ เพราะเครื่องส่งวิทยุที่มีอุปกรณ์พร้อมครบชุดอย่างในคดีนี้ ต้องการเพียงกระแสไฟฟ้าพลังงาน ซึ่งอาจได้มาจากไฟฟ้าของทางราชการหรือจากเครื่องกำเนิดไฟ้าก็สามารถทำการออกอากาศได้ ฉะนั้น เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทแม้นำเข้ามาพร้อมกับเครื่องส่งวิทยุ ก็ต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ ๘๕.๐๑ ข. (๓) (ก) อัตราร้อยละ ๑๑ ของราคา
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาซื้อขายเครื่องส่งวิทุยที่จำเลยทำกับกรมประชาสัมพันธ์ ได้กำหนดรายละเอียดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไว้ด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทออกแบบมาใช้ร่วมกันกับเครื่องส่งวิทยุตามหนังสือของคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกสารหมาย ล. ๑๕ ได้รับรองว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทเหมาะสมสำหรับใช้กับเครื่องส่งวิทยุ ทั้งขณะทำสัญญาซื้อขายและติดตั้งเครื่องส่งวิทยุยังไม่มีกระแสไฟฟ้าของทางราชการใช้ ณ สถานที่ตั้งสถานีแสดงว่ามีเจตนาจะใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาท ปัจจุบันแม้จะมีกระแสไฟฟ้าของทางราชการใช้ ก็ไม่ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทลดความสำคัญลงไปนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารายพิพาทซึ่งฟังว่าอยู่ในพิกัดประเภทที่ ๘๕.๐๑ ข. (๓) (ก) ดังได้วินิจฉัยมาแล้ว เปลี่ยนเป็นอยู่ในพิกัดประเภทที่ ๘๕.๑๕ ก. ดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน