แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลภายใน 15 วัน การที่จำเลยขอขยายระยะเวลาดังกล่าวเป็นการขอขยายระยะเวลา ที่ศาลกำหนด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ซึ่งจะต้องกระทำก่อนระยะเวลา ดังกล่าวสิ้นสุดลงเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความ อีก ฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แต่จำเลย ยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ชำระเงินค่าธรรมเนียม และนำค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์และ มิได้รับอนุญาตให้นำมาวางได้ภายหลัง จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วย กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่ จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ และถือไม่ได้ว่า เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ ในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 3,274,642.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ในต้นเงิน 2,915,802.34 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์หากบังคับทรัพย์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้บังคับจากทรัพย์อื่นของจำเลยจนครบ
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินเบิกเกินบัญชี 2,197,132.41บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระและบังคับทรัพย์จำนองแล้วยังไม่พอชำระหนี้ ให้บังคับจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นอุทธรณ์คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง และมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลภายใน 15 วันจำเลยทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 26พฤศจิกายน 2529 จำเลยจึงต้องชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลภายในวันที่11 ธันวาคม 2529 แต่จำเลยไม่ชำระตามกำหนด โดยอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย เนื่องจากยื่นเกินกำหนดเวลาอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาวันที่ 22 ธันวาคม 2529 ซึ่งสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลแล้ว จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลภายในกำหนด 15 วันนั้นออกไปอีก 60 วัน อ้างว่าศาลกำหนดระยะเวลาให้จำเลยนำเงินมาวางเพียง 15 วัน แต่เงินค่าธรรมเนียมมีจำนวนเกือบ 200,000 บาท ซึ่งจำเลยไม่อาจหาเงินมาวางศาลได้ทันเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงขอขยายระยะเวลาดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยวางเงินในการอุทธรณ์ได้จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2529 (ที่ถูกน่าจะเป็นวันที่ 12 มกราคม 2530)ต่อมาในวันที่ 12 มกราคม 2530 จำเลยวางเงินค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่จำเลยขอขยายระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์นั้น เป็นการขอขยายระยะเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ซึ่งจะต้องกระทำก่อนระยะเวลาดังกล่าวสิ้นสุดลง เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยแต่ตามคำร้องนี้ไม่ปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยอย่างใดจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะขอขยายระยะเวลาดังกล่าวได้ ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินต่อไปอีก จึงไม่ชอบและผู้อุทธรณ์จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา229 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมและนำค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์และมิได้รับอนุญาตให้นำมาวางได้ภายหลังโดยชอบด้วยกฎหมายดังวินิจฉัยข้างต้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.