คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ให้การว่าจะได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันหรือเปล่าจำไม่ได้สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่รับรองและไม่ยืนยันถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีข้อต่อสู้ และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
กู้เงินโจทก์โดยสัญญาจะชำระดอกเบี้ยให้ทุกเดือน แต่มิได้ชำระให้โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดนัด เมื่อมีสัญญาระบุว่าถ้าผู้กู้ประพฤติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดยอมให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยได้โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้กู้ให้ชำระหนี้ได้แม้เงินต้นยังไม่ถึงกำหนดชำระ และเมื่อผู้กู้ผิดนัด โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686

ย่อยาว

โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2510 ว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2509 กำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2509 กำหนดชำระคืนภายใน 29 มิถุนายน 2510 สัญญาจะให้ดอกเบี้ยอัตราชั่งละหนึ่งบาทต่อเดือนให้โจทก์ทุกเดือน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไม่ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ตามสัญญาและไม่คืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระ ถ้าไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่าจะได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ทั้ง 2 จำนวนไว้จริงหรือเปล่าจำไม่ได้ สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่รับรองและไม่ยืนยัน สัญญากู้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ หากจำเลยที่ 2 ได้ค้ำประกันจริง ก็ไม่ต้องชำระหนี้ให้ก่อนถึงกำหนดชำระ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้ทั้ง 2 จำนวนให้โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันไม่ใช่ลายมือจำเลยนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้ให้การรับหรือปฏิเสธฟ้องโจทก์ในข้อนี้ เพราะจำเลยที่ 2 ให้การว่าจะได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันหรือเปล่าจำไม่ได้ สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยที่ 2 ไม่รับรองและไม่ยืนยัน จำเลยที่ 2 จึงไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน และไม่รับรองลายเซ็นในช่องผู้ค้ำประกันเป็นการสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้ ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าเงินกู้รายที่ 2 ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์จะฟ้องให้ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ทุกเดือนตามที่ระบุไว้ในสัญญา โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ จำเลยที่ 1 จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดนัด และสัญญากู้ระบุว่าถ้าจำเลยที่ 1 ประพฤติผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ก็ยอมให้โจทก์ฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องได้ แม้หนี้เงินต้นยังไม่ถึงกำหนดชำระและโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686

พิพากษายืน

Share