แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยต้องคุมขังในเรือจำบังอาจหลบหนีไปขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อจากคดีก่อนเรื่อง 1 นั้นจะนับว่าฟ้องของโจทก์ถือว่าจำเลยต้องคุมขังอยู่ในคดีนั้นไม่ได้
โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีก่อนซึ่งจำเลยพ้นโทษไปก่อนการกระทำผิดเรื่องหลัง ศาลไม่นับโทษต่อให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นนักโทษต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้บังอาจหลบหนีไปจากความควบคุมของเจ้าพนักงาน เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๙ แลขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีแดงที่ ๑๓๔/๒๔๗๗
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคดีแดงที่ ๑๓๔/๒๔๗๗ โทษของจำเลยได้สิ้นสุดลงแล้วในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๙ ฟ้องโจทก์เป็นเวลาที่จำเลยพ้นโทษไปแล้วถือไม่ได้ว่าจำเลยได้อยู่ในระหว่างคุมขังโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยยังไม่มีผิด ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เรียกสำนวนคดีแดงที่ ๑๗๙/๒๔๗๗ มาประกอบคดี ปรากฎว่าจำเลยยังต้องโทษสำนวนนี้อยู่ จึงพิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๖๓ แลให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีแดงที่ ๑๗๙/๒๔๗
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยต้องคุมขังอยู่ตามคดีแดงที่ ๑๓๔/๒๔๗๗ แต่ปรากฎว่าจำเลยต้องคุมขังอยู่ตามคดีแดงที่ ๑๓๙/๒๔๗๗ ดังนี้ จะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยต้องคุมขังอยู่ตามสำนวนคดีแดงที่ ๑๓๔/๒๔๗๗ นั้นเลย เป็นแต่ขอให้นับโทษต่อจากคดีแดงที่ ๑๓๔/๒๔๗๗ เท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฎในฟ้อง แต่ที่ศาลอุทธรณ์ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีแดงที่ ๑๗๙/๒๔๗๗ เป็นการเกินคำขอของโจทก์ จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ในข้อที่ให้นับโทษต่อ ส่วนความอื่นยืนตาม